|
ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีผู้ที่
มีความดันโลหิตสูงมากถึงพันล้านคน
ซึ่งสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา
โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก 1 คน ใน 3
คนมีภาวะความดันโลหิตสูงและประชากรวัยผู้ใหญ่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก็พบ มี 1 คน ใน 3 คน ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรวมถึงคนไทยที่อายุตั้งแต่
35 ปีขึ้นไปเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึงร้อยละ 22 และได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.
2568 ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 1.56
พันล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็น 1
ในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ในแต่ละปีประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูงถึงเกือบ 8
ล้านคน
ส่วนประชากรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้เสียชีวิตจากโรคความดันโลหิต
สูงประมาณ 1.5 ล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนี้
ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจอีกด้วย
ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัย
ภูเบศรได้แนะนำสมุนไพรไทยใกล้ตัวไว้ในหนังสือบันทึกของแผ่นดินหลายเล่ม
ซึ่งที่มีผลช่วยลดอาการความดันโลหิตสูง
วันนี้จึงได้รวบรวมสมุนไพรที่น่าสนใจ 6 ชนิด มานำเสนอดังนี้
|
“กระเจี๊ยบแดง” ความ
โดดเด่นของกระเจี๊ยบ คือ ไม่ว่ากระเจี๊ยบแดงจะงอกงาม ณ ประเทศไหน
คนในประเทศนั้นจะมีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่เหมือนกัน คือ
ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต เป็นยาขับปัสสาวะ
และยังเชื่อว่ากระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณในการบำรุงไต และหัวใจ
จากการทดลองในสัตว์และมนุษย์ พบว่า
กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริค
รวมทั้งลดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะภายหลังการผ่าตัดในไตได้ นอกจากนี้
ยังมีรายงานว่าการดื่มชากระเจี๊ยบวันละ 2 - 3 ครั้ง สามารถลดความดันโลหิต
diastolic ลงตั้งแต่ร้อยละ 7.2 ถึง 13 เลยทีเดียว ดังนั้น
ชากระเจี๊ยบจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่า
การที่กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้ เนื่องมาจากสาร “แอนโธไซยานิน”
(anthocyanins) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
และสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดนั่นเอง
“คึ่นไฉ่” ชาว
เอเชีย นิยมใช้คึ่นไฉ่เป็นยาลดความดันโลหิตมากว่า 2000 ปีแล้ว ชาวจีน
ชาวเวียดนามแนะนำให้รับประทานคึ่นไฉ่วันละ 4 ต้น
เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ
แพทย์อายุรเวทในอินเดียจะสั่งจ่ายเมล็ดคึ่นไฉ่เพื่อขับปัสสาวะสำหรับผู้ป่วย
ที่บวมน้ำ
ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า
คึ่นไฉ่มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม คุมกำเนิด ลดจำนวนอสุจิ
ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง
ยับบั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ขับระดู
เป็นต้น
“บัวบก”
เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
เนื่องจากบัวบกทำให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยมี
การไหลเวียนดีขึ้น มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี
จึงสามารถลดความดันโลหิตได้
ทั้งนี้ มีรายงานการวิจัยที่สนับสนุนว่า สารสกัดเอทานอลจากต้นบัวบก
มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูข่าวเมื่อให้ทางหลอดเลือดดำ น้ำคั้นจากต้น
และสารสกัดด้วยน้ำมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวและสุนัข
บัวบกยังทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น
ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดและคนที่เป็นริดสีดวงทวาร
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น
มีฤทธิ์คลายความเครียด
ซึ่งฤทธิ์คลายความเครียดนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย
|
“คาวตอง หรือพลูคาว”
หมอยาทั่วไป ทั้งอีสาน ภาคเหนือ หรือไทยใหญ่มีความเชื่อว่าการกินคาวตองสดๆ
กับน้ำพริก ลู่ ลาบ หรือใช้รากต้มกับปลาไหล
รากตำเป็นน้ำพริกกินจะเป็นยารักษาโรคได้ เช่น ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง
ริดสีดวงทวาร แผลในกะเพาะอาหาร
พลูคาว
นับเป็นผักสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยและจดสิทธิบัตรมากตัวหนึ่ง
ซึ่งจากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ
ต่างพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาวเช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์ของหมอยาพื้น
บ้าน ในประเทศเกาหลีก็ได้มีการใช้พลูคาวเป็นยาลดความดันโลหิตสูง
ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเนื่องจากมีการสะสมของไขมัน (atherosclerosis)
และมะเร็งอีกด้วย
“มะรุม”
นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด
โดยจากประสบการณ์การใช้ของชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ
และการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วนของใบและรากของมะรุม
มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ รวมทั้งพบสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต
เช่น niazinin A, niazinin B, niazimicin และ niaziminin A and B
สำหรับตำรับยาแก้ความดันโลหิตสูง ซี่งต้องกินอย่างต่อเนื่อง เช่น
ตำรับที่ 1 นำรากมาต้มกินเป็นซุป
ตำรับที่ 2 นำยอดมาต้มกิน
ตำรับที่ 3 นำยอดอุ๊ปใส่เนื้อวัวกิน ซึ่งต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น
ตำรับที่ 4 นำรากมะรุมต้มกับรากย่านางกิน
ตำรับที่ 5 ใช้ยอดมะรุมสด
โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ นำมาโขลกคั้นเอาน้ำ
(ถ้าไม่มีน้ำให้เติมน้ำลงไปพอให้เหลวข้น) ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2
ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ยานี้จะช่วยลดความดัน
เมื่อหยุดกินยาความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องกินอย่างต่อเนื่อง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น