วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา มะเร็งหลังโพรงจมูก (ฝีครีบแรด) ตามศาสตร์แพทย์แผนไทย




 
     

      มะเร็งหลังโพรงจมูก อีกหนึ่งมะเร็งร้ายที่กลายเป็นภัยเงียบและคร่าชีวิตผู้คนได้ไม่แพ้มะเร็งอื่นๆ เพราะมะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นโรคที่อยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้น ยากแก่การตรวจพบ จึงทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการของระยะที่มะเร็งลุกลามมากแล้ว ทำให้ยากแก่การรักษา ซึ่งในแต่ละปีพบผู้ป่วยทั่วโลกเกือบ 1 ต่อประชากรแสนคน โดยเฉพาะในแถบเอเชียจะพบผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกสูงมาก ได้แก่ จีนตอนใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และประเทศไทย ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น พบมะเร็งหลังโพรงจมูกในผู้หญิง 1.6 ต่อแสนคนต่อปี ในชาย 4.5 ต่อแสนคนต่อปี และจัดเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับเก้าสำหรับผู้ชายไทย พบอุบัติการณ์ในผู้ชายสูงกว่าในผู้หญิงประมาณสองเท่า โดยส่วนมากอยู่ในวัยหนุ่มสาวถึงกลางคน

สาเหตุของมะเร็งหลังโพรงจมู

      1. สิ่งแวดล้อมและอาหาร เนื่องจากมะเร็งหลังโพรงจมูกพบบ่อยในประเทศจีนตอนใต้ และชาวเอสกิโมในรัฐอลาสก้า และกรีนแลนด์ ตลอดจนในแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูกน่าจะเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมและอาหาร โดยอาหารที่คนเหล่านี้รับประทานจะคล้ายคลึงกัน คือ ปลาเค็มและเนื้อเค็ม ซึ่งจะมีสารก่อมะเร็งไนโตรซามีน (nitrosamine) ปนเปื้อนอยู่ในสารอาหารเหล่านี้และเมื่อสูดดมสารนี้เข้าไปสัมผัสกับเยื่อบุของหลังโพรงจมูก อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ DNA ของเซลล์เยื่อบุผิว จนเกิดการกลายพันธุ์ (mutation) ของเซลล์ได้

      2. พันธุกรรม ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาของระบาดวิทยา พบว่ามะเร็งหลังโพรงจมูก พบบ่อยในคนจีนโดยเฉพาะในคนจีนตอนใต้ของประเทศ ตลอดจนคนจีนที่อพยพไปตั้งรกรากในประเทศต่างๆ แสดงให้เห็นว่าภาวะทางพันธุกรรมน่าจะมีส่วนในการส่งเสริมให้เกิดมะเร็งหลังโพรงจมู

      3. เชื้อไวรัส Epstein-Barr Virus (EBV) เป็น DNA virus ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Herpes virus พบว่าผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกมักจะมีประวัติเคยติดเชื้อ EBV และพบเชื้อไวรัสหรือ DNA ของ EBV ในเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย ทำให้เชื่อว่าเชื้อไวรัสนี้น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก

“สำรวจตนเอง” มีอาการเหล่านี้หรือไม่

      “มีก้อนที่คอ มีเลือดกำเดาไหลเป็นประจำ มองเห็นภาพซ้อน หน้าชาด้านใดด้านหนึ่ง และ หูอื้อ”
อาการดังกล่าวเป็นอาการที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองว่าเข้าข่ายหรือไม่..? เพราะถ้าหากเกิดอาการดังกล่าวขึ้น อย่านิ่งนอนใจ!! ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้มาก่อน เพราะเซลล์มะเร็งอาจลุกลามไปมากจนยากที่จะเยียวยาได้ การรีบรักษาตั้งแต่เป็นระยะแรก จะช่วยให้รักษาได้ทันท่วงที เพิ่มโอกาสในการหายขาดได้


แผนไทยในพระคัมภีร์ เริ่มเป็นหฤศโรค มุขโรค และ แปรเข้าสู่ทิพยมาลา

      กล่าวไว้เช่นเดียวกันคือจากเป็นไข้ใดๆมาก่อน แล้วเกิดฝีกาฬแทรกในระหว่างไข้พิษ หรือเกิดมีกาฬ(จุดเลือดออกจากพิษความร้อน) เพราะเหตุมาจากพิษโลหิต ทั้งสามคัมภีร์กล่าวไว้เป็นไข้ในทางกำเริบ แล้วแปรไปจากพิษโลหิต แรกๆอาการคล้ายริดสีดวงจมูกแต่มีเสียงแตกก้องๆ ออกทางจมูกเป็นๆหายๆนานเรื้อรัง จนแปรเข้า ฝีครีบกรด ครีบแรด บังเกิดตามครีบชิวหา (ใต้ลิ้นเป็นกลีบๆ รวมพื้นชิวหาบนและล่าง) เมื่อแรกขึ้นมีสัณฐาน เท่าเมล็ดถั่วเขียวและเมล็ดงา แข็งขึ้นมาเหมือนหัวหูด แล้วเจริญขึ้นมีสีแดงดังชาดจิ้ม

      ถ้าไปบังเกิดในโพรงจมูกแล้วทะลุงอกออกมาเรียกฝีครีบแรด
    

      อาการทำให้ลิ้นกระด้าง ให้เจ็บๆ คันๆ และเร่งเกลื่อนเสียแต่ยังอ่อน อย่าปล่อยไว้ ยอดแตกออกมาได้ ถ้าเจริญแก่เข้าแล้ว ก็แตกออกเปื่อยลาม เป็นขุมๆ มีประเภทเหมือนวงสะท้อน ลามไปในชิวหาพื้นบนและล่าง บางทีบวมทะลุลงไปใต้คาง เป็นหนองและ โลหิต ไหลมิได้ขาด เหม็นเหมือน ซากศพ ถ้าใครเป็นถือว่าเป็นกรรม

๑ ยาทาแก้ฝีครีบกรด
      ๑. เบญกานี สีเสียดเทศ สิ่งละ ๑ ส่วน
      ๒. กะเทาะโพบาย เปลือกมะขามขบ สิ่งละ ๑ ส่วน
      ๓. เมล็ดในมะนาว น้ำประสารทองสุทธิ สิ่งละ ๑ ส่วน
 

     เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ละลายน้ำท่าทาแก้พิษฝีอันบังเกิดตามครีบชิวหานั้นหายดีนักฯ

๒ ยากินแก้พิษฝีครีบกรด
      โรกทั้ง ๒ ข้าวเย็นทั้ง ๒ ขันทองพยาบาท
 

      ต้มตามวิธีให้กิน แก้พิษฝีอันชื่อ ครีบกรดในครีบชิวหานั้นหายดีนักฯ

 

ที่มา: ทางแพทย์สายพุทธ

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สุดยอด 5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง

       ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีผู้ที่ มีความดันโลหิตสูงมากถึงพันล้านคน ซึ่งสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก 1 คน ใน 3 คนมีภาวะความดันโลหิตสูงและประชากรวัยผู้ใหญ่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็พบ มี 1 คน ใน 3 คน ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรวมถึงคนไทยที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึงร้อยละ 22 และได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 1.56 พันล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็น 1 ในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
    
       ในแต่ละปีประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูงถึงเกือบ 8 ล้านคน ส่วนประชากรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้เสียชีวิตจากโรคความดันโลหิต สูงประมาณ 1.5 ล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนี้ ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจอีกด้วย
    
       ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัย ภูเบศรได้แนะนำสมุนไพรไทยใกล้ตัวไว้ในหนังสือบันทึกของแผ่นดินหลายเล่ม ซึ่งที่มีผลช่วยลดอาการความดันโลหิตสูง วันนี้จึงได้รวบรวมสมุนไพรที่น่าสนใจ 6 ชนิด มานำเสนอดังนี้
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
       “กระเจี๊ยบแดง” ความ โดดเด่นของกระเจี๊ยบ คือ ไม่ว่ากระเจี๊ยบแดงจะงอกงาม ณ ประเทศไหน คนในประเทศนั้นจะมีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่เหมือนกัน คือ ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต เป็นยาขับปัสสาวะ และยังเชื่อว่ากระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณในการบำรุงไต และหัวใจ
    
       จากการทดลองในสัตว์และมนุษย์ พบว่า กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริค รวมทั้งลดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะภายหลังการผ่าตัดในไตได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการดื่มชากระเจี๊ยบวันละ 2 - 3 ครั้ง สามารถลดความดันโลหิต diastolic ลงตั้งแต่ร้อยละ 7.2 ถึง 13 เลยทีเดียว ดังนั้น ชากระเจี๊ยบจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
    
       นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่า การที่กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้ เนื่องมาจากสาร “แอนโธไซยานิน” (anthocyanins) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดนั่นเอง
    
       “คึ่นไฉ่” ชาว เอเชีย นิยมใช้คึ่นไฉ่เป็นยาลดความดันโลหิตมากว่า 2000 ปีแล้ว ชาวจีน ชาวเวียดนามแนะนำให้รับประทานคึ่นไฉ่วันละ 4 ต้น เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ แพทย์อายุรเวทในอินเดียจะสั่งจ่ายเมล็ดคึ่นไฉ่เพื่อขับปัสสาวะสำหรับผู้ป่วย ที่บวมน้ำ
    
       ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า คึ่นไฉ่มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม คุมกำเนิด ลดจำนวนอสุจิ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ยับบั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ขับระดู เป็นต้น
    
       “บัวบก” เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากบัวบกทำให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยมี การไหลเวียนดีขึ้น มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงสามารถลดความดันโลหิตได้
    
       ทั้งนี้ มีรายงานการวิจัยที่สนับสนุนว่า สารสกัดเอทานอลจากต้นบัวบก มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูข่าวเมื่อให้ทางหลอดเลือดดำ น้ำคั้นจากต้น และสารสกัดด้วยน้ำมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวและสุนัข บัวบกยังทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดและคนที่เป็นริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น มีฤทธิ์คลายความเครียด ซึ่งฤทธิ์คลายความเครียดนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
       “คาวตอง หรือพลูคาว” หมอยาทั่วไป ทั้งอีสาน ภาคเหนือ หรือไทยใหญ่มีความเชื่อว่าการกินคาวตองสดๆ กับน้ำพริก ลู่ ลาบ หรือใช้รากต้มกับปลาไหล รากตำเป็นน้ำพริกกินจะเป็นยารักษาโรคได้ เช่น ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร แผลในกะเพาะอาหาร
    
       พลูคาว นับเป็นผักสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยและจดสิทธิบัตรมากตัวหนึ่ง ซึ่งจากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ต่างพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาวเช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์ของหมอยาพื้น บ้าน ในประเทศเกาหลีก็ได้มีการใช้พลูคาวเป็นยาลดความดันโลหิตสูง ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเนื่องจากมีการสะสมของไขมัน (atherosclerosis) และมะเร็งอีกด้วย
    
       “มะรุม” นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยจากประสบการณ์การใช้ของชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ และการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วนของใบและรากของมะรุม มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ รวมทั้งพบสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต เช่น niazinin A, niazinin B, niazimicin และ niaziminin A and B
    
       สำหรับตำรับยาแก้ความดันโลหิตสูง ซี่งต้องกินอย่างต่อเนื่อง เช่น
    
       ตำรับที่ 1 นำรากมาต้มกินเป็นซุป
    
       ตำรับที่ 2 นำยอดมาต้มกิน
    
       ตำรับที่ 3 นำยอดอุ๊ปใส่เนื้อวัวกิน ซึ่งต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น
    
       ตำรับที่ 4 นำรากมะรุมต้มกับรากย่านางกิน
    
       ตำรับที่ 5 ใช้ยอดมะรุมสด โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ นำมาโขลกคั้นเอาน้ำ (ถ้าไม่มีน้ำให้เติมน้ำลงไปพอให้เหลวข้น) ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ยานี้จะช่วยลดความดัน เมื่อหยุดกินยาความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องกินอย่างต่อเนื่อง


ที่มา: โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์





นิสัยคน 12 ราศี





คนเดือนมกราคม
      เป็น คนค่อนข้างรอบคอบ ระมัดระวังวิตกจริต คิดมากตลอดเวลา ในบางคนก็ชอบเก็บสะสมของเก่า ของโบราณ รู้จักเก็บ มัธยัสถ์ งก ขี้เหนียว เสียดายของ ประหยัด ชอบที่จะแชร์ค่าใช้จ่าย มองกำไรขาดทุนไว้ก่อนเสมอ ดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่จริง ๆ แล้วฉลาดจึงสามารถเป็นนักธุรกิจที่ดีได้ ทะเยอทะยาน ชอบเอาชนะ บางทีก็คิดเล็กคิดน้อยอะไรไม่รู้ เชื่อมั่นในตัว เองสูงมาก ทรหดอดทนเป็นยอดเลยล่ะ โดยเฉพาะในเรื่องงานแล้วล่ะก็บ้างานมาก บ้านจนทำให้บางทีความรักที่มีอยู่จืดไปเลย จะแต่งงานช้าก็เพราะมัวแต่เลือกมากคิดมากอยู่ นั้นแหละ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความรักสักเท่าไหร่ ถ้างานที่ต้อรับผิดชอบนั้น ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นนักปฏิบัติ แต่ ในด้านความรัก ก็ใช่ย่อยมีเสน่ห์ล้ำลึกนัก มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็ขี้หงุดหงิดเอาแต่ใจตัวเอง แต่ทำเป็นขรึมเย็นชาซะอย่างนั้นแหล่ะ บางทีก็ชอบเก็บตัวชอบสร้ากำแพง ทำเป็นหยิ่งแต่จริง ๆ กลับเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร สงบนิ่ง เจ้าระเบียบซะอีกแน่ะ รักเกียรติยศชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ ทำอะไรไม่ค่อยพึ่งใครชอบทำเอง แต่ก็เป็นคนมีบุญ มักได้คู่ดี

คนเดือนกุมภาพันธ์
      มัก เป็นคนที่มีอุปนิสัยร่าเริง เพื่อนฝูงมากมาย เพราะเป็นคนที่ตองการมิตรที่แท้จริง แต่ก็มักไม่ค่อยมีเพื่อน และที่ สำคัญมีเพื่อนแท้น้อยมาก ชอบอยู่ในแวดวงสังคมที่ดี เพราะเป็นคนที่สามารถยิ้มแย้มแจ่มใสได้กับทุกสถานการณ์ ถึงแม้ว่าตนเองจะทุกข์อยู่ก็ตาม ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข เป็นคนที่ช่างพูดช่างคุย ตีหน้าได้เก่ง มีนิสัยช่างคิดช่างจำแถมยังมีแผนการมากอีกด้วย เชื่อมั่นและมีความเห็นเป็นของตัวเอง ซื่อตรงดี ชอบอิสระไม่ชอบขึ้นกับใคร หรือให้ใครบังคับขู่เข็ญให้ทำ หรืออยู่ใต้การควบคุมของใคร อยากทำอะไรทำเองไม่ต้องมาสั่ง ชอบชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่าถึงแม้ว่าตัวจะต้องอยู่ในสังคมก็ตาม เป็นคนที่มีหัวคิดริเริ่มมีไอเดียอะไรดี ๆ และแปลกใหม่อยู่เสมอ เพราะเป็นคนที่ใส่ใจเรียนรู้และสร้างสรรค์ ตามยุคตามสมัยทันเหตุการณ์ของโลกอยู่เสมอ ชอบเปลี่ยนแปลงจนคนรอบข้างตามไม่ทันหรือคิดไม่ถึงก็มีจริง ใจเปิดเผย ตรงไป ตรงมา นิสัยไม่ดีคือมักเอาแต่ใจและดื้อรั้นมาก ในบางครั้งก็ดูก้าวร้าวขวานผ่าซากและขี้งอนขี้น้อยอกน้อยใจ เป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ชอบช่วยเหลือเพื่อน ทั้งที่ทำคุณกับใครไม่ค่อยขึ้นหรอก คบกับใครก็ได้ ช่างเลือกด้วย แถมไม่ชอบผูกมัดหรือมีพันธะติดกับใคร จึงหาคู่ที่ ถูกใจยากออกสักหน่อย

คนเดือนมีนาคม
      เป็นคนที่ชอบเห็นอกเห็นใจชาวบ้าน ชอบช่วยเหลือคนอื่นแล้วก็ไปรับแบกภาระซะอย่างนั้นแหล่ะ เข้ากับคนง่าย ปรับตัวได้ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีจิตใจที่เมตตาโอบอ้อมอารี มีคุณธรรมสูง ชอบสร้างบุญสร้างกุศล แต่มักเป็นคนที่ขี้เหงา ว้าเหว่ หรือไม่ชอบอยู่ในที่แคบ ๆ มักชอบที่จะอยู่ในที่โล่งแจ้งมากกว่า แต่อารมณ์มักอ่อนไหวง่ายมาก ๆ ในบางครั้งก็ขี้หงุดหงิด จิตใจไม่แน่นอน อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนน้ำ ที่วันนี้ไม่รู้จะอยู่ในโอ่งหรือว่าขวดกันแน่ บางครั้งก็ดูแข็งบาง ที ก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกิน ด้วยความใจอ่อนนี่แหล่ะมักทำให้สูญเสียโอกาสดี ๆ ไปเสมอ ดูอ่อนโยนสุภาพแต่ก็มีอารมณ์ที่ก้าวร้าว และปากร้ายได้เหมือนกัน เพราะเป็นคนที่เย็นก็ได้ ร้อนก็ได้ เสียใจง่าย ดีใจง่าย คล้อยตามคนอื่นได้ ไม่ค่อยแข่งขันอะไรกับใคร มักพอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนที่เชื่อเรื่องโชคลางสิ่งลี้ลับ และชอบที่จะจดจำเรื่องเก่า ๆ หลงรักใครได้ง่าย ๆ และมักจะจมอยู่กับรักเก่า ๆ นั้น แบบพวกมีรักฝังใจไม่ยอมลืม แต่กับบางเรื่องกลายเป็นคนที่ขี้ลืมบ่อย ๆ เหมือนคนแก่ และก็เป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจใฝ่หาอะไรที่มันใหม่ ๆ ซะด้วยซิ ยกเว้นชอบที่จะซื้อรองเท้าใหม่ ๆ อยู่เรื่อยเลย ว่ากันว่าใครที่เกิดในเดือนนี้เท้าสวยแล้วจิตใจจะดีแถมเป็นคนชอบชิมชอบกิน เสียด้วยซิ

คนเดือนเมษายน
      เป็น คนที่มีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ อยากรู้ อยากเห็น อยากได้อยากเป็นไปเสียหมด พอรู้พอเห็นแล้วก็เบื่อ ไม่เอาแล้ว อยากได้ของใหม่อีกแล้ว คือ เป็นคนขี้เบื่อเหมือนเด็ก ๆ ไม่ค่อยยอมฟังใครง่าย ๆ กล้าได้กล้าเสียไม่ค่อยกลัวอะไร ลุยลูกเดียว แล้วก็เจ็บ แถมเจ็บไม่รู้จักจำอีกด้วย ชอบกลับไปทำซ้ำใหม่แล้วก็เจ็บอีก บางทีก็ชอบทำเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นเรื่องยากได้ จู้จิ้จุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ได้แต่ เป็นคนที่น่าคบนะเพราะเป็นคนที่จริงใจตรงไปตรงมา ไม่ชอบเอาใจใครหรือยินยอใคร ชอบไม่ชอบบอกกันตรง ๆ เลย แบบว่าถือของให้ใครก็ไม่เป็น ไม่ชอบผูกมัดชอบอิสระ ชอบที่จะให้คนมาเอาใจมากกว่า และมักจะหึงและหวงคนรักนะ เพราะถ้ามีรักเมื่อไร จะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว รักแบบบริสุทธิ์ใจซะด้วยซิ และมักเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงอยู่เหมือนกันนะจ๊ะทะเยอ ทะยานใจร้อน ทำอะไรก็รวดเร็วทันใจ เดินยังดูรีบ ๆ เลย มีอารมณ์รุนแรงขี้โมโหหงุดหงิดง่าย แต่ก็หายเร็ว ทำอะไรหุนหันพลันแล่น อยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นจะอึดอัดหงุดหงิด เครียด ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น ชอบออกกำลังกาย หรือทำอะไรที่มันดูเป็นภาคสนามสักหน่อย จะสบายใจกว่าให้นั่งเฉย ๆ ใครอยากเป็นแฟนต้องเข้าใจและเอาใจ อย่าปล่อยให้เหงาเชียวแหล่ะ

คนเดือนพฤษภาคม
เราจะเห็นว่าเดือนนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปวัวเพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อนเลยว่า คนที่เกิดในเดือนนี้มักต้องทำเพื่อคนอื่นและต้องอดทนอย่างมาก เหมือนวัวนั่นแหล่ะ ดื้อรั้นเงียบแบบสงบเสียด้วยซิ มักเป็นคนที่ด ูจะนิ่ง ๆ ไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไหร่ เป็นคนที่โกรธใครยาก แต่ถ้าโกรธนานเชียว แล้วถ้ามีใครมาแหย่ ให้โกรธเข้าล่ะก็ คุณแกจะกลายเป็นวัวกระทิงทันทีเลยล่ะ
เป็นคนที่รักสวยรักงาม สะอาด รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำอะไรถูกกาลเทศะ ความคิด ความอ่านมักค่อนข้างหัวโบราณสักหน่อย เป็นบุคคลที่เปลี่ยนแปลงอะไรยากมาก ๆ เช่น การกิน หรือความเชื่อ ใครบอกก็ไม่เปลี่ยน นอกจากตัวเองจะเปลี่ยนแปลงความคิดหรือการกระทำเอง ไม่ค่อยยืดหยุ่นกับชีวิต ชอบคิดว่าฉันเป็นฉันเอง เป็นคนที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ สงบ ๆ อยู่คนเดียวก็ได้ อยู่กับเพื่อน ๆ ก็ได้โคตรอดทนและ บึกบึนมาก งานทำได้ทุกอย่างหนักเอาเบาสู้ได้หมด แถมเป็นคนมัธยัสถ์ ประหยัด ชอบเก็บสะสมทรัพย์สินอีกด้วย เรียกว่าเศรษฐีได้เลย แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เองหรอกชอบให้คนอื่น ยิ่งถ้าเป็นคนที่ตัวเองรักแล้วล่ะก็...เต็มที่ไปเลย เป็นคนที่อ่อนไหวต่อความรักมาก รักแล้วทุ่มเทเกินเหตุ มักถือดีเรื่องความรักเสมอ หรือจะชื่นชม ให้กำลังใจหน่อยก็จะดี คนเดือนนี้ชอบให้ชมบ่อย ๆ พวก บ้ายอไง

คนเดือนมิถุนายน
      เป็น คนที่ฉลาดมาก มักคิดอะไรได้รวดเร็วกว่าชาวบ้าน คือ มีความถนัดในการใช้สมองมากกว่ากำลัง ชอบคิดชอบพูด ชอบเขียน อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง ต้องการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อความอยู่รอด จึงมักเป็นคนที่ดูทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และในชีวิตมักมีอะไรเข้ามาทีละสองอย่างเสมอ ทำให้ต้องลำบากใจที่จะต้องเลือก ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือ การงาน ความคิดก็มักลังเล รักพี่เสียดายน้องอยู่นั่นแหล่ะ เป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง สามารถทำอะไรหรือคิดอะไรได้ หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน บางทีกลายเป็นคนสองบุคลิก หรือ คนสองหน้าได้เหมือนกัน สามารถแก้ปัญหาให้ใครต่อใครได้ในพริบตาเชียวล่ะ เป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจที่ดีเลยคนเดือนนี้น่ะ ชอบท่องเที่ยวไม่ชอบอยู่กับที่นาน ๆ ชอบเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนเป็นคนที่ขาดความอดทน เป็ นคนที่ค่อนข้างตรงและเอาแต่ใจตนเอง ไม่ค่อยเก็บความสงสัยเอาไว้ จะถามให้รู้เรื่องไปเลย จะทำอะไรก็เหมือนกันจะต้องทำให้มันสำเร็จ ชนิดไม่เสร็จไม่เลิก มีความว่องไวใจร้อนมากโดยเฉพาะเรื่องงาน ไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้ขี้บ่น หรือซักถามยิ่งเวลาไปไหนมาไหน ไม่ต้องถาม ถ้าอยากบอกจะบอกจะเล่าเอง ด้วยความทันสมัยและชอบเที่ยวจึงเป็นผู้ที่ใช้เงินเปลืองมาก

คนเดือนกรกฎาคม
     นับได้ว่าเป็นคนอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก ระมัดระวังตัวหวาดระแวงตกใจง่ายไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ รักษาผลประโยชน์รู้จักเก็บออมเงินเก่ง (ปูมักจะลากทุกอย่างเข้ารู) ถ้าเจอปัญหาเศร้าทุกข์อะไร จะขอหลบไปก่อน ไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับแขก ไม่ยอมเจอใคร แต่พอตั้งสติได้จะค่อย ๆ กลับมาแก้ไขและกลับมาเป็นคนเดิมเอง เป็นคนรักบ้าน รักครอบครัวมาก ชอบอยู่กับบ้านและทำกิจกรรมที่บ้านมากกว่าให้ออกนอกบ้าน เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวกรกฎรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น มีความสุขที่สุด ดูจากภายน อกออกจะแข็งกร้าว ปากแข็งแต่จริง ๆ ภายในอ่อนปวกเปียกมาก ลองดูจากสัญลักษณ์ที่คนโบราณเปรียบเทียบไว้เป็นปูไง มีกระดอง แต่ข้างในนิ่มเชียว มีความอดทนต่อความยากลำบาก ชอบใส่ใจความรู้สึกคนอื่น ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายมักมีความเป็นแม่อยู่ในตัว มีสัญชาตญาณในการให้ ห่วงใยเอื้ออาทร ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เอาอกเอาใจ (เฉพาะ) คนที่ตัวรัก เก็บรายละเอียดได้ดีไม่ว่าจะเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องเก่า ๆ หรือพวกรักฝังใจ ไม่ยอมลืมแต่ เจ้าอารมณ์ชะมัดเลยล่ะ จู้จี้จขี้บ่น เจ้าระเบียบ ต้องปล่อยให้บ่นไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเองแหละ ต้องระวังเรื่องเครียด เพราะเป็นคนวิตกจริตคิดมาก รักใครแล้วไม่ค่อยปล่อยง่าย ๆ แถมขี้หึงถึงตายเลยล่ะ (ปูหนีบ)

คนเดือนสิงหาคม
      คนที่เกิดในเดือนนี้เหมือนจ้าวป่าจึงมักจะเริ่ดเชิดหยิ่งไว้ก่อนเดินยังเอา หน้าไปก่อนเลย ไม่ค่อยยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ ไม่ง้อใครถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ชอบที่จะเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำมากก ว่าคล้อยตาม ชอบความเป็นอิสระทั้งด้านงานและการใช้ชีวิตไม่ ชอบขึ้นอยู่กับใคร เชื่อมั่นในตัวเองมาก ใจใหญ่ถึงไหนถึงกัน เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ รักเกียรติยศชื่อเสียง เสียอะไรไม่ว่า เสียหน้าข้าไม่ยอม ใจร้อนหงุดหงิด ขี้โมโห จริงจังกับชีวิตมากจนกลายเป็นพวกบ้าอำนาจ หรือจอมเผด็จการ ฉลาดหลักแหลม เจ้าปัญญา เจ้าความคิด คิดโน่นนี่ได้ตลอดเวลา แต่บางทีก็ไม่ยอมทำเอง ชอบใช้คนอื่นทำแทน จึงควรเป็นที่ปรึกษานั่นแหล่ะดี เพราะเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อใจหรือไว้ใจใครเลย และไม่ค่อยชอบพึ่งใครด้วย รักเฉพาะพวกพ้องพี่น้องและครอบครัวของตัวเอง สามารถเสียสละให้ได้ทุกอย่าง เป็นคนที่อยากให้ทุกคนมารัก อยากให้ทุกคนยอมหรือยกย่องตัวเอง อย่าไปขัดใจหรือโต้แย้ง ปกติใคร อยู่ด้วยจะน่ารักมาก เพราะจริง ๆ เป็นคนที่ขี้สงสารและชอบให้อภัย หรือให้โดยไม่ค่อยหวังผลตอบแทน เพียงแต่ไม่ชอบที่จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเท่านั้นเอง เป็นคนที่หาเงินเก่งและก็ใช้จ่ายเก่งด้วย ถ้าพอใจอยากได้อะไรต้องได้จะจ่ายไม่อั้น ยังไงก็ต้องรักษา หน้าไว้ก่อน จะหาคู่ครองต้องเป็นคนใจเย็นเป็นผู้ใหญ่กว่า มีปัญญาที่เหนือกว่าจึงจะอยู่กันได้ หรือไม่ก็อยู่ใต้เท้าคุณสิงหาคมแกไปเลยหมดเรื่อง

คนเดือนกันยายน
      นับ ว่าเป็นคนที่เฉลียวฉลาด คล่องแคล่วว่องไว มีเสน่ห์ ไม่ว่าเป็นชาย หรือ หญิงมักมีแต่เรื่องหยุมหยิม มีข้อสงสัย หรือ วิเคราะห์ ทุกอย่างจนเกินเหตุ เป็นคนที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย เพราะชอบเอาแต่ใจทำอะไรตามอารมณ์เหมือนผีเข้า ผีออก ไม่แน่นอน คนอื่นอาจจะงง ๆ เหมือนจะประสาทหลอน แต่จริง ๆ แล้วเพราะเป็นคนที่ละเอียดลออ เอามาก ๆ ชอบสังเกต พิถีพิถันออกแนวหัวโบราณ วิตกจริตคิดมากเท่านั้นเองช่างคิด ช่างฝันช่างจินตนาการ มินิสัยชอบเปลี่ยนแปลงหรือพยายามทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นเขาทำทิ้งไว้ ค้างไว้ ให้เสร็จสมบูรณ์ตามแบบฉบับของตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือชอบ จู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ ชอบจับผิดคนเก่งมาก แต่ก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะ ถึงจะชอบจับผิดก็เถอะ แล้วชอบที่จะช่วยเหล ือชาวบ้านหรือดันไปแบกรับภาระคนอื่นมา จะดูเหมือนเรื่องมาก และเลือกมากไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวต้องดูดีก่อนออกจากบ้าน หรืออาหารการกินต้องสะอาด โดยเฉพาะเรื่องความรักมักจะใช้เวลาเลือกค่อนข้างนาน แต่ถ้าได้รักแล้วมักจะรักนานเลยเช่นกันเป็น คนที่ขยันทำมาหากินมาก บางครั้งประหยัดจนดูเหมือนขี้เหนียว ช่างพูดช่างเจรจา พูดเก่งและแก้ตัวเก่งอย่างมีเหตุผลเสียด้วยซิ ผิดกับการบอกรักกลับเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ปากแข็งมาก ถ้าคิดจะเอ่ยปากบอกรักใครสักคน เวลารักใครชอบรักจนหมดหัวใจ จึงมักโดนคนที่ตนรักหลอกหรือเอาเปรียบอยู่เสมอ

คนเดือนตุลาคม
      คน เดือนนี้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล สะอาดน่ารัก เป็นนักการทูต มีพรสวรรค์ในการเจรจา (กะล่อน) แต่ประนีประนอม หรือ โน้มน้าวจิตใจคนได้ดี เป็นคนค่อนข้างตรงและเอาจริงเอาจัง คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น สามารที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม คล้อยตามมากกว่าขัดใจ ใครว่าอะไรก็ว่าด้วยเป็น คนที่มีเสน่ห์ อยู่ในตัวเอง ถ้าไม่หน้าตาดี บุคลิกก็ต้องดูดีมีราศี สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาหาได้อย่างง่ายดาย ในบางคนก็รักสวยรักงานศิลปะ ชอบเข้าสังคมทำอะไรเพื่อสังคม ชอบความสนุกสนานร่าเริง ฟุ้งเฟ้อ ชอบความหรูหรา เป็นคนที่ถ้ารู้จักใคร ถูกชะตาจะรักมาก รักเร็วและทุ่มเทซะเกินเหตุ แต่ถ้านึกอยากจะเลิกก็เลิกเลยแบบไม่มีเหตุผลเช่นกัน เรียกได้ว่ารักง่าย หน่ายเร็ว เป็นคนที่รักพวกพ้องเพื่อนฝูงเอามาก ๆ ใครไม่เป็นพวกข้า ไม่ดีด้วยจนในบางครั้งดูเหมือน ดื้อและก้าวร้าวมาก อารมณ์บางครั้งก็ขึ้น ๆ ลง ๆ จะตัดสินใจทำอะไรได้แต่ละอย่างคิดอยู่นั้นแหล่ะ (ลังเล) ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง มักต้องรอจังหวะ เหมือนตาชั่ง (สัญลักษณ์) กว่าตาชั่งที่เอียงไปเอียงมาจะตรงหรือสมดุลกันได้ก็เล่นเอานานเหมือนกัน ขยันทำงานฉลาดในการทำธุรกิจ มีความสุขุมรอบคอบและเยือกเย็นได้แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือมักเชื่อคนง่าย จึงมักมีสิทธิ์โดนหลอกใช้ได้เหมือนกัน

คนเดือนพฤศจิกายน
      คนเดือนนี้เป็นคนที่ดูแล้วค่อนข้างจะลึกลับ ถ้าไม่สนิทกันจริงไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง ค่อนข้างไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ มีความระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง เก็บความลับเก่ง ชอบทำตัวลึกลับ มีความในใจซ่อนเร้น มีความสงสัยอยู่ตลอดเวลา มีความทิฐิมานะ วางท่า ไว้ตัว ทำตัวเหมือนหยิ่ง อดทน อดกลั้น แต่ถ้ามีอารมณ์โกรธฉุนเฉียวขึ้นมาล่ะก็ กล้าเผชิญกับทุกสิ่ง จะหนาไหนหรือใหญ่แค่ไหนก็ไม่ค่อยกลัวช่าง ประชดประชัน เหน็บแนมเก่งมาก คำพูดคำจาบางทีชอบพูดแรง ๆ ตรงเกินกว่าที่??นรอบข้างจะรับได้ แต่ก็พูดออกมาจากใจจริงของตัวเองนะ เป็นคนขี้งอนใจน้อย อารมณ์แปรปรวน เอาแต่ใจเจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยสนใจใส่ใจใคร ดูเหมือนดุร้าย ไม่น่าเข้าใกล้ จนบางครั้งคนรอบข้างจะคิดว่าเป็นบ้า แต่แท้ที่จริงแล้ว ทำไปเพื่อจะป้องกันหรือปิดบังอะไรบางอย่าง ที่เป็นปมด้อยในตัวเองที่ไม่อยากให้ใครรู้ เป็นคนฉลาดเจ้าความคิดจะตายไป ชอบพลิกแพลงเอาชนะด้วยมันสมอง ไม่ค่อยช อบใช้กำลังสักเท่าไร มักมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงในการทำธุรกิจด้าน ความรักก็มักแต่งงานช้า หรือหาคนถูกใจยากสักหน่อย เพราะมัวแต่ขี้ระแวงอยู่นั่นแหล่ะ และไม่ค่อยชอบให้ใครมาจู้จี้มากนัก มีโลกส่วนตัวสูง แต่ก็เข้าได้กับทุกคนนะ เพียงแต่คนอื่นอ่านไม่ค่อยออก ก็เท่านั้นเอง

คนเดือนธันวาคม
      ด้วยความชอบผจญภัยให้อยากอยู่บ้านแทบตาย ยังไงก็ต้องมีเหตุอันให้ต้องออกจากบ้านจนได้ ในชีวิตมักต้องไปได้ดีเอาไกลบ้าน ไกลเมือง ไกลถิ่นฐานที่เกิด หรือได้คนรักในแดนไกลแล้วชีวิตจะดีกว่า เป็นคนที่มักโชคดีเรื่องการเงิน เป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นชอบพูด ชอบเล่าอะไรสนุกสนานจน ในบางครั้งเกิน ความเป็นจริงไปซะไกลเลยเชียว ชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากที่ตัวเองรู้ ชอบพัฒนาชอบสำรวจ สามารถให้คำปรึกษากับคนรอบข้างได้ดี เพราะเป็นผู้รอบรู้และเป็นนักวางแผนที่ดีได้ เป็นคนที่ฉลาดแ ละรอบคอบ คิดสร้างสรรค์อะไรมักจะไปเจริญหรือเป็นจริงได้ในอนาคต คือมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าคนอื่น ๆ เหมือนหยั่งรู้อนาคตได้ยังงั้นแหล่ะสามารถ แก้ไขปัญหาได้ดี มีรสนิยมดีตรงไปตรงมาและ จริงใจ ชอบการเดินทาง เปิดหูเปิดตา ชอบกีฬา เรียกว่าอยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยเป็น และชอบที่จะเป็นอิสระมากว่ามีเจ้านายคอยควบคุม อยากจะแสดงความสามารถที่มีอยู่ให้ใคร ๆ เห็นมากกว่า ชอบแหกกฎ อาจเป็นได้ว่าความถือดีว่าตัวเองมีปัญญาฉลาดกว่าคนอื่น เป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว แต่อย่าย้ำซ้ำเติมความผิด ของเก่านะ จะไม่ค่อยยอมรับผิดหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยเลยล่ะ ทำให้เราเสียอารมณ์เปล่า ๆ ด้านความรักเป็นคนที่ไม่ชอบแฟนขี้หึง ถ้าให้อิสระ คนเดือนนี้จะรักตายเลยล่ะ

ที่มา:  ศรีสกุล ตระกูลอัญมณี

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

"ชาใบหม่อน" เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต

         หม่อนเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ใบหม่อนนอกจากใช้เลี้ยงไหมแล้วยังใช้ประกอบเป็นอาหารได้หลายชนิด ทั้งนี้เพราะว่าใบหม่อน สามารถช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารและมีสรรพคุณทางด้านโภชนาการ เนื่องจากมีโปรตีนและแร่ธาตุต่าง ๆ สูง (ประทีปและคณะ, 2528) นอกจากนี้ประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีการนำใบหม่อนมาใช้ในการประกอบอาหารเสริมสุขภาพ และใช้เป็นพืชสมุนไพร ตั้งแต่สมัยโบราณ

"ชาใบหม่อน".... เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต
 
หม่อนเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ใบหม่อนนอกจากใช้เลี้ยงไหมแล้วยังใช้ประกอบเป็นอาหารได้หลายชนิด ทั้งนี้เพราะว่าใบหม่อน สามารถช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารและมีสรรพคุณทางด้านโภชนาการ เนื่องจากมีโปรตีนและแร่ธาตุต่าง ๆ สูง (ประทีปและคณะ, 2528) นอกจากนี้ประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีการนำใบหม่อนมาใช้ในการประกอบอาหารเสริมสุขภาพ และใช้เป็นพืชสมุนไพร ตั้งแต่สมัยโบราณ
 
จากการรายงานการศึกษาวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นพบว่า ใบหม่อนมีคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะโรคเบาหวานช่วยลดคลอเลสเตอรอลและความดันโลหิตสูง ดังนั้นจึงมีการผลิตชาจากใบหม่อนเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากหม่อนเป็นพืชปราศจากสารพิษ และเป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นมาเป็นเวลาช้านาน พบว่า หม่อนมีแร่ธาตุและวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวมสูงกว่าชา อาทิ แคลเซี่ยม โปแตสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินซี
 
จากการรายงานของสถาบันวิจัยหม่อนไหม (2541) ได้รายงานว่า การผลิตชาหม่อนมี 2 ลักษณะ คือ การผลิตในรูปโรงงาน และ การผลิตแบบครัวเรือน จากการศึกษาวิจัยพบว่า การผลิตชาหม่อนในรูปแบบโรงงานและแบบครัวเรือนมีความเป็นไปได้ทั้ง 2 รูปแบบ ทำให้สามารถทำชาหม่อนแบบครัวเรือนไว้บริโภคเองได้ เกษตรกรที่มีที่มีแปลงหม่อนเพื่อใช้เลี้ยงไหมอยู่แล้ว บุคคลทั่วไปที่ปลูกหม่อน ไว้ตามสวนหลังบ้านหรือปลูกไว้เป็นไม้ประดับ สามารถทำชาหม่อนได้ด้วยตนเองด้วยการใช้อุปกรณ์ในครัวเรือนที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อหา เพิ่มเติมแต่ประการใด
 
จากการศึกษาวิจัยของวิโรจน์ และคณะ (2541) พบว่าชาหม่อนที่ได้จากการทำแบบครัวเรือนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับการทำชาหม่อน แบบอุตสาหกรรม การทำชาหม่อนแบบครัวเรือนอาจพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมภายในครอบครัวได้ แต่การทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย ในปริมาณมาก ๆ ต้องคำนึงถึงคุณภาพ เนื่องจากจะมีความแตกต่างในการทำแต่ละครั้ง รวมทั้งการแปรรูปที่อาจจะเกิดขึ้นจากความ ชำนาญของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะเรื่องความชื้น ถ้าคั่วชาไม่ได้ที่ความชื้นในใบชาหม่อนสูง มีเชื้อราและแบคทีเรียเข้าทำลาย ทำให้ ชาหม่อนเสื่อมคุณภาพ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นการผลิตในปริมาณมาก ควรผ่านกระบวนการทำชาของโรงงาน เพราะ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีคุณภาพเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน
 
 
คุณสมบัติของใบหม่อนที่ใช้ทำชา
 
1. พันธุ์ ใช้พันธุ์ส่งเสริมของทางราชการ คือ พันธุ์บุรีรัมย์ 60 หรือพันธุ์นครราชสีมา 60 ซึ่งทั้งสองพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ให้ ้ผลผลิตสูง ใบขนาดใหญ่ หนา ไม่เหี่ยวง่าย เหมาะสมกับการผลิตเป็นชา
 
2. ความสด ใบที่จะใช้ในการผลิตชาใบหม่อนจะต้องมีความสด ไม่ใช้ใบที่เหี่ยว หรือตายนึ่ง ในการผลิตชาหม่อนนั้น ใบสด จะทำให้ได้ใบชาที่มีสีเขียว และมีคุณภาพดี
 
3. ความสมบูรณ์ของใบ ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อน จะต้องเป็นใบหม่อนที่ได้รับการบำรุงรักษาโดยการใส่ปุ๋ยกำจัด วัชพืช และการตัดแต่งเป็นอย่างดี ทำให้ใบมีความสมบูรณ์ เขียว ไม่แคระแกรน
 
4. ความสะอาดของใบ ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อนจะต้องเป็นใบที่สะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน เช่น ดิน ทราย เศษพืชชนิดอื่น เศษพลาสติก สิ่งสกปรก และสิ่งเจือปนอื่น ๆ ห้ามเก็บใบหม่อนใส่ถุงปุ๋ย เพราะจะทำให้ปนเปื้อนสารเคมีในถุงปุ๋ย และเศษพลาสติกจาก ถุงปุ๋ยอาจหลุดปะปนมาในใบหม่อน
 
5. ปราศจากโรคและแมลง ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อนจะต้องเป็นใบที่ปราศจากโรคชนิดต่าง ๆ และต้องไม่มีแมลงหรือ ไข่แมลงปะปนมากับใบหม่อน
 
6. ปลอดสารเคมี ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อน จะต้องเป็นใบที่ได้จากแปลงที่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และไม่ควร อยู่ใกล้กับแปลงพืชชนิดอื่นที่ใช้สารเคมี
 
7. การเก็บเกี่ยวใบหม่อน วิธีที่เหมาะสม คือ การเก็บเกี่ยวโดยการเก็บใบเช่นเดียวกับการเก็บใบเพื่อเลี้ยงไหม
 
 
อบที่อุณหภูมิ 80 ๐C เพื่อให้ความชื้นอยู่ในระดับมาตรฐาน
 
 
วิธีการทำชาหม่อนในระดับอุตสาหกรรมครัวเรือน
 
1. ชาเขียว
 
ใช้ใบหม่อนสด ได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ มีขั้นตอนการทำดังนี้
1. คัดใบหม่อนที่ไม่มีคุณภาพออก เช่น ใบเหลือง ใบเป็นโรค หรือมีสิ่งเจือปน
2. หั่นใบหม่อนให้มีขนาดประมาณ 0.5x4.0 เซ็นติเมตร ตัดก้านใบออก
3. ลวกน้ำร้อน 20-30 วินาที หรือนึ่งประมาณ 1 นาที
4. ถ้าลวกในน้ำร้อน จุ่มน้ำเย็นทันที ผึ่งลมให้แห้งหมาด ๆ
5. คั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ประมาณ 20 นาที
6. อบที่อุณหภูมิ 80 ํC นาน 1 ชั่วโมง สามารถเก็บไว้ดื่มได้นาน
 
 
2. ชาจีน
 
ใช้ใบหม่อนสด ได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ มีขั้นตอนการทำดังนี้
1. คัดใบหม่อนที่ไม่มีคุณภาพออก เช่น ใบเหลือง ใบเป็นโรค หรือมีสิ่งเจือปน
2. ตัดก้านใบทิ้ง หั่นใบหม่อนให้มีขนาด 0.5 x 3-4 เซ็นติเมตร
3. คั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ นานประมาณ 20 นาที
4. อบที่อุณหภูมิ 80 ํC นาน 1 ชั่วโมง
5. เก็บไว้ในภาชนะป้องกันความชื้นเข้าได้ สามารถเก็บไว้ดื่มได้นาน
 
 
3. ชาฝรั่ง
 
1. คัดเลือกใบหม่อนที่ไม่มีคุณภาพออก เช่น ใบเหลือง ใบเป็นโรค หรือมีสิ่งเจือปน
2. ตัดก้านใบทิ้ง หั่นใบหม่อนให้มีขนาด 0.5 x 3-4 เซ็นติเมตร
3. คั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ขณะครั่วใบหม่อนแรง ๆ เพื่อให้เซลล์ใบหม่อนแตกช้ำจนกระทั่งใบหม่อนแห้งกรอบ ใช้เวลานานกว่า 25 นาที
4. ทดสอบ สี กลิ่น รส ของน้ำชา และสีของกากใบชา เบื้องต้นเช่นเดียวกับชาจีน
  
คุณประโยชน์ของชาหม่อน
 
จากรายงานของ Preventive Effect of Mulberry leaves on Adult diseases พบว่า ชาหม่อนมีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้โดยมีการศึกษาในหนูทดลอง สรุปได้ดังนี้
 
- ลดระดับคอเลสเตอรอล สาร Phytosterol เป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด โดยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้
 
- ลดน้ำตาลในเลือด สารที่เรียกว่าดีอ๊อกซิโนจิริมายซิน ซึ่งมีอยู่ 0.1% ซึ่งสารนี้จนกระทั่งปัจจุบันจะพบเฉพาะในใบหม่อนเท่านั้น ซึ่งมีผลในการยับยั้งการทำงาน ของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำตาล และชลอการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ ซึ่งมีผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือด
 
- ลดความดันโลหิต สาร Gamma-amino butyric acid ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความดันโลหิต
 
- บำรุงร่างกาย นอกจากมีสารที่เป็นประโยชน์ในทางการแพทย์แล้ว ยังพบว่าในการวิเคราะห์ชาเขียวจาก ใบหม่อนพบแร่ธาตุต่าง ๆ และโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
 
วิธีชงชาที่ถูกต้อง มีขั้นตอนดังนี้
 
1. ใช้น้ำร้อนลวกภาชนะชงชา เพื่อให้กาน้ำชาและถ้วยน้ำชาชุ่มชื่น ช่วยฆ่าเชื้อโรค และดับกลิ่นต่าง ๆ
2. ใส่ใบชาในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าเป็นใบชาม้วนประมาณ 1 ใน 3 ของกากน้ำชา ถ้าเป็นใบชาไม่ม้วนประมาณ 1 ใน 2 ของกา
3. เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาให้เต็ม เพื่อกระตุ้นใบชาให้คลี่ออก และช่วยล้างใบชาให้สะอาด แล้วรีบเทน้ำทิ้งอย่าแช่ทิ้งไว้นาน (ชาน้ำแรกเททิ้ง)
4. เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที
5. รินน้ำชาในถ้วยแต่ละถ้วยให้หมดกา แล้วยกเสริฟ เมื่อต้องการดื่มชาเพิ่มให้เติมน้ำร้อนลงในกาอีกครั้ง ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วยกเสริฟ ใหม่
 
กลุ่มหม่อนไหม กองส่งเสริมพืชสวน
กรมส่งเสริมการเกษตร
http://www.ku.ac.th/e-magazine/march44/agri/tea/

โดย.... บ้านต้นยาแพทย์แผนไทย     จากการรายงานการศึกษาวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นพบว่า ใบหม่อนมีคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะโรคเบาหวานช่วยลดคลอเลสเตอรอลและความดันโลหิตสูง ดังนั้นจึงมีการผลิตชาจากใบหม่อนเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากหม่อนเป็นพืชปราศจากสารพิษ และเป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นมาเป็นเวลาช้านาน พบว่า หม่อนมีแร่ธาตุและวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวมสูงกว่าชา อาทิ แคลเซี่ยม โปแตสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินซี

     จากการรายงานของสถาบันวิจัยหม่อนไหม (2541) ได้รายงานว่า การผลิตชาหม่อนมี 2 ลักษณะ คือ การผลิตในรูปโรงงาน และ การผลิตแบบครัวเรือน จากการศึกษาวิจัยพบว่า การผลิตชาหม่อนในรูปแบบโรงงานและแบบครัวเรือนมีความเป็นไปได้ทั้ง 2 รูปแบบ ทำให้สามารถทำชาหม่อนแบบครัวเรือนไว้บริโภคเองได้ เกษตรกรที่มีที่มีแปลงหม่อนเพื่อใช้เลี้ยงไหมอยู่แล้ว บุคคลทั่วไปที่ปลูกหม่อน ไว้ตามสวนหลังบ้านหรือปลูกไว้เป็นไม้ประดับ สามารถทำชาหม่อนได้ด้วยตนเองด้วยการใช้อุปกรณ์ในครัวเรือนที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อหา เพิ่มเติมแต่ประการใด

     จากการศึกษาวิจัยของวิโรจน์ และคณะ (2541) พบว่าชาหม่อนที่ได้จากการทำแบบครัวเรือนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับการทำชา หม่อน แบบอุตสาหกรรม การทำชาหม่อนแบบครัวเรือนอาจพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมภายในครอบครัวได้ แต่การทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย ในปริมาณมาก ๆ ต้องคำนึงถึงคุณภาพ เนื่องจากจะมีความแตกต่างในการทำแต่ละครั้ง รวมทั้งการแปรรูปที่อาจจะเกิดขึ้นจากความ ชำนาญของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะเรื่องความชื้น ถ้าคั่วชาไม่ได้ที่ความชื้นในใบชาหม่อนสูง มีเชื้อราและแบคทีเรียเข้าทำลาย ทำให้ ชาหม่อนเสื่อมคุณภาพ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นการผลิตในปริมาณมาก ควรผ่านกระบวนการทำชาของโรงงาน เพราะ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีคุณภาพเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน

คุณสมบัติของใบหม่อนที่ใช้ทำชา
      1. พันธุ์ ใช้พันธุ์ส่งเสริมของทางราชการ คือ พันธุ์บุรีรัมย์ 60 หรือพันธุ์นครราชสีมา 60 ซึ่งทั้งสองพันธุ์เป็นพันธุ์ที่ให้ ้ผลผลิตสูง ใบขนาดใหญ่ หนา ไม่เหี่ยวง่าย เหมาะสมกับการผลิตเป็นชา

    2. ความสด ใบที่จะใช้ในการผลิตชาใบหม่อนจะต้องมีความสด ไม่ใช้ใบที่เหี่ยว หรือตายนึ่ง ในการผลิตชาหม่อนนั้น ใบสด จะทำให้ได้ใบชาที่มีสีเขียว และมีคุณภาพดี

     3. ความสมบูรณ์ของใบ ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อน จะต้องเป็นใบหม่อนที่ได้รับการบำรุงรักษาโดยการใส่ปุ๋ยกำจัด วัชพืช และการตัดแต่งเป็นอย่างดี ทำให้ใบมีความสมบูรณ์ เขียว ไม่แคระแกรน

     4. ความสะอาดของใบ ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อนจะต้องเป็นใบที่สะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน เช่น ดิน ทราย เศษพืชชนิดอื่น เศษพลาสติก สิ่งสกปรก และสิ่งเจือปนอื่น ๆ ห้ามเก็บใบหม่อนใส่ถุงปุ๋ย เพราะจะทำให้ปนเปื้อนสารเคมีในถุงปุ๋ย และเศษพลาสติกจาก ถุงปุ๋ยอาจหลุดปะปนมาในใบหม่อน

     5. ปราศจากโรคและแมลง ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อนจะต้องเป็นใบที่ปราศจากโรคชนิดต่าง ๆ และต้องไม่มีแมลงหรือ ไข่แมลงปะปนมากับใบหม่อน

     6. ปลอดสารเคมี ใบที่ใช้ในการผลิตชาใบหม่อน จะต้องเป็นใบที่ได้จากแปลงที่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และไม่ควร อยู่ใกล้กับแปลงพืชชนิดอื่นที่ใช้สารเคมี

     7. การเก็บเกี่ยวใบหม่อน วิธีที่เหมาะสม คือ การเก็บเกี่ยวโดยการเก็บใบเช่นเดียวกับการเก็บใบเพื่อเลี้ยงไหมอบที่อุณหภูมิ 80 ๐C เพื่อให้ความชื้นอยู่ในระดับมาตรฐาน

วิธีการทำชาหม่อนในระดับอุตสาหกรรมครัวเรือน
      1. ชาเขียว
          ใช้ใบหม่อนสด ได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ มีขั้นตอนการทำดังนี้
             1. คัดใบหม่อนที่ไม่มีคุณภาพออก เช่น ใบเหลือง ใบเป็นโรค หรือมีสิ่งเจือปน
             2. หั่นใบหม่อนให้มีขนาดประมาณ 0.5x4.0 เซ็นติเมตร ตัดก้านใบออก
             3. ลวกน้ำร้อน 20-30 วินาที หรือนึ่งประมาณ 1 นาที
             4. ถ้าลวกในน้ำร้อน จุ่มน้ำเย็นทันที ผึ่งลมให้แห้งหมาด ๆ
             5. คั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ประมาณ 20 นาที
             6. อบที่อุณหภูมิ 80 ํC นาน 1 ชั่วโมง สามารถเก็บไว้ดื่มได้นาน

      2. ชาจีน
          ใช้ใบหม่อนสด ได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ มีขั้นตอนการทำดังนี้
             1. คัดใบหม่อนที่ไม่มีคุณภาพออก เช่น ใบเหลือง ใบเป็นโรค หรือมีสิ่งเจือปน
             2. ตัดก้านใบทิ้ง หั่นใบหม่อนให้มีขนาด 0.5 x 3-4 เซ็นติเมตร
             3. คั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ นานประมาณ 20 นาที
             4. อบที่อุณหภูมิ 80 ํC นาน 1 ชั่วโมง
             5. เก็บไว้ในภาชนะป้องกันความชื้นเข้าได้ สามารถเก็บไว้ดื่มได้นาน

      3. ชาฝรั่ง
             1. คัดเลือกใบหม่อนที่ไม่มีคุณภาพออก เช่น ใบเหลือง ใบเป็นโรค หรือมีสิ่งเจือปน
             2. ตัดก้านใบทิ้ง หั่นใบหม่อนให้มีขนาด 0.5 x 3-4 เซ็นติเมตร
             3. คั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ขณะครั่วใบหม่อนแรง ๆ เพื่อให้เซลล์ใบหม่อนแตกช้ำจนกระทั่งใบหม่อนแห้งกรอบ ใช้เวลานานกว่า 25 นาที
             4. ทดสอบ สี กลิ่น รส ของน้ำชา และสีของกากใบชา เบื้องต้นเช่นเดียวกับชาจีน

คุณประโยชน์ของชาหม่อน
      จากรายงานของ Preventive Effect of Mulberry leaves on Adult diseases พบว่า ชาหม่อนมีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้โดยมีการศึกษาในหนูทดลอง สรุปได้ดังนี้

     - ลดระดับคอเลสเตอรอล สาร Phytosterol เป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด โดยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้

      - ลดน้ำตาลในเลือด สารที่เรียกว่าดีอ๊อกซิโนจิริมายซิน ซึ่งมีอยู่ 0.1% ซึ่งสารนี้จนกระทั่งปัจจุบันจะพบเฉพาะในใบหม่อนเท่านั้น ซึ่งมีผลในการยับยั้งการทำงาน ของเอนไซม์ที่ย่อยสลายน้ำตาล และชลอการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ ซึ่งมีผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือด

      - ลดความดันโลหิต สาร Gamma-amino butyric acid ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความดันโลหิต

      - บำรุงร่างกาย นอกจากมีสารที่เป็นประโยชน์ในทางการแพทย์แล้ว ยังพบว่าในการวิเคราะห์ชาเขียวจาก ใบหม่อนพบแร่ธาตุต่าง ๆ และโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

วิธีชงชาที่ถูกต้อง มีขั้นตอนดังนี้
      1. ใช้น้ำร้อนลวกภาชนะชงชา เพื่อให้กาน้ำชาและถ้วยน้ำชาชุ่มชื่น ช่วยฆ่าเชื้อโรค และดับกลิ่นต่าง ๆ
      2. ใส่ใบชาในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าเป็นใบชาม้วนประมาณ 1 ใน 3 ของกากน้ำชา ถ้าเป็นใบชาไม่ม้วนประมาณ 1 ใน 2 ของกา
      3. เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาให้เต็ม เพื่อกระตุ้นใบชาให้คลี่ออก และช่วยล้างใบชาให้สะอาด แล้วรีบเทน้ำทิ้งอย่าแช่ทิ้งไว้นาน (ชาน้ำแรกเททิ้ง)
     4. เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที
     5. รินน้ำชาในถ้วยแต่ละถ้วยให้หมดกา แล้วยกเสริฟ เมื่อต้องการดื่มชาเพิ่มให้เติมน้ำร้อนลงในกาอีกครั้ง ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วยกเสริฟ ใหม่


ที่มา: กลุ่มหม่อนไหม กองส่งเสริมพืชสวน กรมส่งเสริมการเกษตร