วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

การรักษาโรคเก๊าต์ด้วยการแพทย์แผนไทย

     


       โรคเก๊าท์ คือ โรคที่เกิดจากการที่ไตไม่สามารถขับกรดยูริคออกมาทางปัสสาวะได้ดีพอ จึงมีกรดยูริคตกค้างอยู่ในเลือดสูงและเกิดการตกผลึกเรียกว่า “ผลึกยูเรท”  โดยผลึกยูเรทนี้จะไปฝังตัวอยู่ตามเนื้อเยื่อของร่างกาย โดยเฉพาะที่บริเวณนิ้วหัวแม่เท้า และบริเวณข้อต่อต่าง ๆ ทำให้เกิดการอักเสบก็จะมีอาการปวดบวมแดงร้อน
 

         กรดยูริคเกิดจากร่างกายผลิตขึ้นเองประมาณร้อยละ 90 อีกประมาณร้อยละ 10 เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีสารเพียวรินสูง โดยอาหารที่มีสารเพียวรินสูงอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้น สำหรับอาหารที่มีสารเพียวรินสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ทุกชนิด สัตว์ปีก แมลงทุกชนิด ของหมักดอง ขนมจีน ผลไม้ดอง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ยอดผักต่าง ๆ เช่น ชะอม หน่อไม้ ยอดมะพร้าว ยอดหวาย เป็นต้น
 

         โรคเก๊าท์ในทัศนะแพทย์แผนไทย เกิดจากการที่ไตเสื่อมสภาพไม่สามารถ ทำหน้าที่ตามปกติ ตามทฤษฎีแพทย์แผนไทย เมื่อเริ่มเข้าสู่ปัจฉิมวัย (อายุ 32 ปี ขึ้นไป) ร่างกายจะค่อย ๆ เสื่อมลง (รวมถึงไตด้วย) ส่วนจะเสื่อมช้าหรือเสื่อมเร็วมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยและวิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
 

สาเหตุใดทำให้ไตเสื่อมเร็ว
       1. การมีเพศสัมพันธ์มากเกินควร ไตจะเสียพลังมากและอ่อนแอลงเร็วกว่าปกติ
       2. ทำงานหนักเกินกำลังเป็นประจำ เช่น ยกของหนัก นั่งขับรถนาน ๆ ใช้สมองครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ หนักมากเกินไป (เครียด)
          3. พักผ่อนน้อยไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูร่างกาย ถึงเวลานอนไม่ได้นอน ถึงเวลากินไม่ได้กิน
          4. เคยประสบอุบัติเหตุกระทบกระแทกและเกิดบาดเจ็บบริเวณไต
          5. มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมี ในการรักษาโรคยาวนาน เช่น ยาลดความดันโลหิตสูง ยาลดน้ำตาลในเลือด ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะต่าง ๆ เป็นต้น
          6. รับประทานอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนเป็นประจำ เช่น ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในพืชผักผลไม้ ฮอร์โมนต่าง ๆ ที่สะสมในเนื้อสัตว์ อาหารทะเลที่แช่ฟอร์มาลิน สารโซเดียมที่ผสมอยู่ใน ขนมขบเคี้ยวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผงชูรส ผงฟู อาหารรสจัด รสเค็ม อาหารและเครื่องดื่มที่ผสมสี กลิ่น และรสสังเคราะห์ เป็นต้น
         7. ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เป็นประจำ
         8. กรรมพันธุ์
 

     การจะรักษาโรคเก๊าท์ให้หายขาด จึงจำเป็นต้องทำการฟื้นฟูไต ให้กลับมาแข็งแรง และมีสมรรถภาพในการขับกรดยูริคได้ดีเหมือนเดิม การแพทย์แผนไทยมีกระบวนการรักษาโรคเก๊าท์ ดังนี้
          1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุทำให้ไตเสื่อม
          2. ใช้ตำหรับยาสมุนไพรในการถ่ายเส้นถ่ายพิษในกระดูก (ยารุ)
          3. ใช้การประคบ อบ แช่ หรือพอกด้วยสมุนไพรบริเวณข้อเพื่อบรรเทาอาการปวด (ยาล้อม)
          4. ใช้ตำหรับยาสมุนไพรทีมีสรรพคุณในการขับกรดยูริคออกจากร่างกายควบคุมกรดยูริคในเลือดให้เป็นปกติ (ยารักษา)
           5. ใช้ตำหรับยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงไตเพื่อช่วยฟื้นฟูไตให้คืนสภาพปกติ (ยาตัดราก)
 

        ขณะทำการรักษาเมื่อไตเริ่มฟื้นฟูและเริ่มมีกำลังขึ้นมาก็จะทำการขับกรดยูริคที่สะสมอยู่ตามข้อต่อต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ระยะนี้ผู้ป่วยอาจจะเกิดอาการเจ็บปวดตามข้อขึ้นมาเหมือนโรคกำลังกำเริบ ช่วงนี้ต้องอดทนเอาหน่อย อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยจะเป็นอยู่ประมาณไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ เมื่อกรดยูริคตามข้อลดลงจนเป็นปกติ โรคก็หายขาดได้ และเมื่อหายแล้วก็สามารถรับประทานอาหารได้ทุกประเภท แต่ก็ต้องบำรุงรักษาไตให้ดีอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นโรคเก๊าท์ก็อาจจะกลับมาเยือนอีกได้

ที่มา: วัลลภ เผ่าพนัส
แพทย์แผนไทย บ.ภ. พท.ว. พท.น.
ประธานสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา