วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำต้อย

      น้ำต้อย คือ น้ำที่เกิดจากขบวนการหมักให้ได้ข้าวหมากนั่นเอง คนสมัยนี้มีนมเปรี้ยว คนสมัยก่อนมีน้ำต้อย นำมาผสมกับน้ำอ้อยสด รสชาติหอมหวานอร่อยได้ทั้งกลิ่นสัมผัสและรสสัมผัส แถมคุณประโยชน์มากมายกว่านมเปรี้ยวยิ่งนัก หากเอาดินสอพองสะตุแล้วไปละลายในน้ำต้อย ผสมอีกนิดด้วยเปลือกต้นกระแจะ(ทานาคา)บดละเอียด กลายเป็นวิตามินบำรุงผิว ทำให้หน้าใสผ่อง
     เราสามารถนำข้าวหมาก,น้ำต้อยมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยได้ เช่นนำไปทำไอศครีม,สมูตตี้,เครื่องดื่มสุขภาพ,Cake,
คุกกี้ ฯลฯ
    คนสมัยก่อน กินข้าวหมากขาวในหน้าร้อน ข้าวหมากข้าวเหนียวดำในหน้าหนาว กินแนมกับข้าวเหนียวตัด จิบล้างปากด้วยชาชงข้าวเหนียวดำกับใบเตยหอม รสชาติอร่อยลิ้น เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ครบรส เต็มไปด้วยสรรพคุณทางยาเพื่อสุขภาพ คนสมัยนี้คงจินตการถึงรสชาติอันละเมียดละไมกลมกล่อมแบบนี้ไม่ออกเด็ดขาด
    แต่ของกินดีดีแบบนี้สมัยนี้คงหายาก เพราะไม่มีคนทำขาย จะทำเองก็ลำบากถึงทำขาย คนเดี๋ยวนี้คงกินกันไม่เป็นไม่ถูกปาก สู้ของกินจากวัฒนธรรมตะวันตกไม่ได้ สักวันของเหล่านี้ก็จะสูญไปสิ้นไป หรือไม่ชาวต่างชาติอาจมาเรียนรู้ แล้วเอาไปพัฒนาต่อยอดออกมาเป็นสินค้ากลับมาขายเรา ที่เป็นเจ้าของภูมิปัญญาเอง หรือไม่ก็เอาไปจดลิขสิทธิ์ อีกหน่อยคงต้องขออนุญาติเขาก่อนมาทำข้าวหมากของเราเองอะไรก็เป็นไปได้ในยุคการค้าไร้พรมแดนกลับมาหาภูมิปัญญาของพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรากันเถอะ ช่วยกันทำให้เกิดใหม่ในยุคของเรา มาพัฒนาต่อยอดภูมิรู้ของเราเองก่อนที่คนอื่นเขาจะมาเอาไป แล้วทำให้เป็นรูปธรรม ให้ทันต่อเวลาที่ผ่านเลย
     เรามีอาหารไทย,การนวดไทย,มวยไทย,ที่คนทั้งโลกรู้จัก ทั้งๆที่เราเป็นเพียงประเทศเล็กๆ สำแดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของบรรพบุรุษเรา ยาไทย หมอไทย ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่เราลืมสิ่งเหล่านี้ไปเสียแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ยังใส่ใจหันกลับมาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ และเป็นความตั้งใจอย่างยิ่งยวดที่ยัง ความรู้ให้กับทุกคน เพื่อให้หมอไทย ยาไทย เป็นที่รู้จักและยอมรับ ซึ่งไม่เคยคาดหวังทั้งโลกใบนี้ ขอเพียงแค่ให้คนไทยยอมรับ และหันกลับมามองหมอไทย ยาไทย เหมือนที่ครั้งหนึ่งการแพทย์ไทยดั้งเดิม คือการแพทย์หลักของชาติ มาช่วยกันสร้างความสถาพรให้กับการแพทย์ไทยกันเถอะ ใครจะเห็นคุณค่าของไทยได้ดีกว่าคนไทยด้วยกันเอง
       พูดเรื่องข้าวหมากกลับมาเป็นเรื่องนี้ได้อย่างไรไม่ทราบ แต่คิดว่าคงเป็นความกลัว กลัวภูมิรู้ของชาติจะหายไป ด้วยคนไทยเองยังลืม
ที่มา:  Komson Dinnakorn Na Ayuddhaya

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น