วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

ซีสต์ เนื้องอก ขยะส่วนเกินของร่างกาย

 รูปภาพ : ซีสต์ เนื้องอก ขยะส่วนเกินของร่างกาย
(สัญญาณเตือนของผู้ที่มี ตับ อ่อนแอ)
บทความโดย : หมอนัท ดิอโรคยา

คุณปรียา อายุ 45 ปี เข้ามาปรึกษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่สบายใจเอามากๆ เพราะ
1. มีเนื้องอกในมดลูก พบตั้งแต่ปี 2553 แรกเจอก้อนเล็กๆ ตอนนี้ขยายออกเป็น 8 เซนติเมตรแล้ว ยังไม่มีอาการปวดใดๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเล็กลงไป
2. มีก้อนเนื้อบริเวณ เต้านมด้านซ้าย พบหลายก้อนประมาณ 2 เดือนที่แล้วหมอบอกรอให้ใหญ่กว่านี้แล้วค่อยผ่า ถ้าใหญ่มากก็ต้องตัดไปทั้งมดลูกรังไข่ ตอนนี้มีอาการร้อนใจเพราะไม่รู้จะหยุดยั้งการเติบโตของก้อนเนื้อได้อย่างไร

ก้อนเนื้อ เนื้องอก นี่เป็นอาการเตือนอย่างหนึ่งของร่างกายว่า เรามีขยะในร่างกายมากเกินไป เราทานอาหารที่โภชนาการเกินที่จะนำไปใช้ แต่รู้หรือไม่ว่าที่เก็บขยะหรือเนื้องอกที่เกิดขึ้นในร่างกายคือเบาะแสให้ทราบได้ถึงสาเหตุของอาการป่วย เตือนเราถึงพฤติกรรมที่ผิดพลาดในอดีต อ่านจากใบประวัติคนไข้ที่เขียนมาของคุณปรียาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงสอบถามถึงอดีตที่ผ่านมามีการทานอาหารอย่างไร ต้องมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนสิน่า เพราะรูปร่างเธอก็สมส่วนดีไม่น่าจะเป็นคนทานอาหารไม่ระวัง สอบถามหลายเรื่องจนคุณปรียานึกได้ว่า เคยไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมา 4 ปี ช่วงนั้นทานแต่นมกับอาหารที่ชงข้นๆ แต่ละอย่างก็มีนม เนย อยู่ด้วยทั้งนั้น

คุณวิยะดา อายุ 31 ปี น้ำหนัก 54 กิโลกรัม มาจากต่างจังหวัดเล่าอาการให้ฟังดังนี้
1. เวียนศีรษะหลายปีแล้ว จากการทำงานใช้คอมพิวเตอร์ กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ
2. ปวดท้องน้อย ตรวจพบช็อคโกแลตซีสต์ที่รังไข่ เวลาปวดก็จะทานยาแก้ปวดหลังๆก็ไม่ทานยาแล้วปวดก็ทนเอา
3. ปวดหลังบริเวณบั้นเอวหลังจากปวดท้องน้อย 1 ปี
4. ตรวจพบเนื้องอกที่แกนสมองข้างขวา
5. มีเม็ดผื่นคันเล็กๆตามผิวหน้า ร่องจมูก ไรผม หลังหู มีอาการนาน 3 ปี ผิวหนังลอกเป็นแผ่นๆ ทายาแล้วไม่หายจึงปล่อยให้เป็นไปเรื่อยๆ

เธอเล่าให้ฟังว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุต้นไม้ ดอกไม้ ฝึกลูกน้องจนเก่งจึงมีเวลาว่างไปเสาะแสวงหาของกินตามที่ต่างๆ จังหวัดไหน ที่ไหน ขอให้บอกถ้าเธอรู้เธอจะตามไปแน่นอน

- ชอบทานแต่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผัก โดยเฉพาะอาหารทะเล ปลา ปลาหมึก ไข่ปลาหมึก หอยนางรม มันปู มันกุ้ง สามารถขับรถไปพัทยา อ่างศิลา ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทานอาหารทะเลและซื้อกลับบ้าน

- ดื่มนมแทนน้ำประมาณ 1 ลิตรต่อวัน นมช็อคโกแลตชอบมาก บางวันกินช็อคโกแลตแท่งแทนข้าว ทานข้าวน้อยมากมักจะทานขนมปังฮอทดอก ขนมเค้กที่มีเนื้อครีมมากๆ ทานทุเรียนเป็นลูกๆแทนอาหาร

- ดื่มแต่น้ำเย็น น้ำอัดลมวันละ 1 ขวด นมเย็น ชาเย็นวันละ 2 แก้วใหญ่ หากหิวก็จะทานน้ำเต้าหู้แทนข้าว ก่อนอาหารดื่มน้ำเย็น 3 แก้ว หลังอาหารดื่มน้ำเย็นอีก 3 แก้ว เนื่องจากทานอาหารทะเลมีน้ำจิ้มเผ็ด

หลังจากบันทึกประวัติแล้ว จึงให้ไปนวดเท้าและตัว เธอบอกว่ารู้สึกเจ็บตามเส้นทั้งเท้าและตัว กดจุดไหนก็เจ็บ แต่หลังจากนวดเสร็จแล้วหายเวียนศีรษะ จึงได้ถามว่าทำไมถึงได้กินอาหารแบบสุดโต่งแบบนี้ เธอตอบว่า อ่านหนังสือมาในหนังสือบอกว่ากินแป้งหรือข้าวแล้วอ้วน เธออยากลดความอ้วนโดยไม่กินยาลดความอ้วน จึงเปลี่ยนเป็นทานอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และกินผลไม้แทนผัก แต่เมื่อได้อ่านหนังสือใครไม่ป่วยยกมือขึ้นหลายเล่ม จึงเปลี่ยนกลับไปทานข้าวกล้อง ทานกับข้าวที่มีผักมากขึ้น ทานน้ำเปล่าที่ไม่เย็น ปรากฏว่ามี ผื่น สิว มากขึ้นแผลที่มีก็มีน้ำเหลืองไหลออกมา

จึงบอกกับเธอว่านี่ล่ะคือความมหัศจรรย์ของร่างกายเมื่อไหร่ที่เราดูแลเขาดี เขาก็จะเริ่มขับของเสียและซ่อมแซมตัวเอง อย่ามัวทานแต่ยากดภูมิคุ้มกันกดอาการอยู่เลย ของเสียที่เกิดขึ้นต้องปล่อยให้ร่างกายขับออกมา ทั้งทางอุจจาระ ปัสสาวะ ผิวหนัง ช่วงนี้คุณต้อง “อดทน”ลูกเดียว ปล่อยให้ระบบกำจัดของเสียในร่างกายทำงานอย่างเต็มที่

อาหารที่มีโภชนาการเกินไปโดยเฉพาะนมที่อุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนมากๆเมื่อทานมากเกินไป เราจะขับไขมันและโปรตีนส่วนเกินออกจากร่างกายไม่ทัน ของเสียส่วนเกินก็จะถูกนำไปเก็บไว้ที่ตับจนเกิดไขมันพอกตับ ตับอ่อนแอ และจะส่งสัญญาณเตือนมายังร่างกายของเราทางเส้นลมปราณตับ ทำให้มีก้อนเนื้องอก ก้อนซีสต์ ก้อนพังผืด เกิดขึ้นที่แนวเส้นนี้โดยง่าย ถ้าเป็นผู้หญิงบริเวณที่มีความเสี่ยงคือ เต้านม รังไข่ มดลูก ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว ส่วนสัญญาณเตือนของผู้ชายว่ามีของเสียที่ตับมากคือ หน้ามัน ผมร่วง ต่อมลูกหมากโต

* ใครที่มีก้อนซีสต์ เนื้องอกมากๆพึงระลึกได้เลยว่า ขณะนี้ตับของท่านกำลังอ่อนแรงเหลือเกิน ไม่สามารถขับของเสียและไขมันส่วนเกินออกมาได้จึงสะสมอยู่ในร่างกาย ในเบื้องต้นยังไม่อันตราย แต่หากปล่อยไว้ก็คงไม่พ้น มะเร็งเต้านม มดลูก รังไข่ หรือ มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นแน่ หากโชคร้ายก็ต้องเผชิญกับมะเร็งตับ

ขั้นตอนในการรักษาโรคตับอ่อนแอ ผู้หญิงที่มีก้อนซีสต์หรือเนื้องอกมากบริเวณเต้านม มดลูกรังไข่ หรือผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต

ดังนั้นช่วงที่มีอาการจึงควรแก้ไขพฤติกรรมที่ทำร้ายตับ เพื่อให้ตับได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเองเสียบ้าง วิธีคือ

1. นอนก่อน 5 ทุ่มเพราะเป็นเวลาที่ลมปราณของถุงน้ำดีทำงานคู่กันกับตับ จนถึงตีสาม
2. งดดื่มเหล้าและ แอลกอฮอล์ทุกชนิด
3. งดกาแฟเพราะมีคาเฟอีนซึ่งไปกระตุ้นให้ตับทำงานมากเกินไป 4. ลดอาหารกลุ่มไขมัน ไขมันทรานส์ ของมันของทอด
5. ทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวันไม่เกิน 9 โมงเช้าเพราะเป็นเวลาที่มีน้ำย่อยและเอนไซม์มากพร้อมที่จะเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานและสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว
6. ก่อนนอน 2-3 ชม.ไม่ทานอาหารมื้อหนัก
7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
8. นวดตัวอาทิตย์ละ 1 ครั้งโดยเฉพาะเส้นข้างขา

ตับของเราเป็นอวัยวะที่ใหญ่และอดทนมาก แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วจะแก้ไขได้ยาก รวมถึงร่างกายจะทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทำความเข้าใจและลดพฤติกรรมทำร้ายตับไว้แต่เนิ่นๆเป็นหนทางดูแลตับที่ดีที่สุดครับ

.....................

สมุนไพร และวิธีฟื้นฟูตับ 8 ขั้นตอน

สรรพคุณโดยย่อ : เร่งระบายของเสียออกจากร่างกายด้วยการดีท๊อกซ์ ,ลดของเสียโดยสนับสนุนให้กระเพาะ และลำไส้ ย่อยและดูดซึมอาหารได้ดี ด้วย ขมิ้นชัน และ Probiotic ,บำรุงตับด้วยโสม เติมสารอาหารให้ตับเพื้อผลิตเลือดด้วยสาหร่ายเกลียวทอง ,ละลายไขมันที่พอกตับ ด้วยน้ำมันมะพร้าว ,เร่งตับขับสารพิษ และไขมันออกจากตับ ด้วยสมุนไพรเบญจพันธุ์

1. ทานขมิ้นชัน (ก่อนอาหาร 2 แคปซูล) ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย เพิ่มประสิทธิภาพในการย่อย และ กำจัดลม ช่วยให้ตับหลั่งน้ำดี อีกทั้งมีสารอาหารและต้านอนุมูลอิสระอยู่มากช่วยให้ตับแข็งแรงขึ้น

2. ทานน้ำเอนไซม์ (หลังอาหารทุกมื้อ) หรือ ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก(จุลินทรีย์ที่ดี)เพื่อเร่งกระบวนการย่อยสลายของเสียตกค้างในลำไส้ เพื่อลดภาระการทำงานของตับ

3. น้ำมันมะพร้าว ( 2-4 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้า ,เย็น) เพิ่มไขมันชนิดดี โดยทานน้ำมันมะพร้าว เพื่อเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL) ที่จะช่วยนำไขมันคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดไม่ให้อุดตัน ( ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ Ze-oil ประกอบด้วย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันกระเทียม น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันรำข้าว ทานตื่นนอน และก่อนนอน 2 แคปซูล )

4. ยาน้ำสมุนไพรเบญจพันธุ์ ลูกใต้ใบ (หลังอาหาร 2 ช้อนโต๊ะ) ช่วยบำรุงตับ และ เปิดท่อน้ำดีเพื่อให้ของเสียและไขมันที่พอกอุดตันที่ตับ ถูกขับออกมาง่ายขึ้น รวมถึงการช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่กระแสเลือดให้มากขึ้น เพื่อเร่งการขับของเสียออกทางปัสสาวะได้มากขึ้นอีกทาง โดย

5. โสม (เช้าวันละ 1 เม็ด) มีสรรพคุณบำรุงอวัยวะภายในทั้งห้า (หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต) เพิ่มการดูดซึมออกซิเจนของผนังเซล เซลจึงสามารถสร้างพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของสารอาหารเข้าสู่ร่างกายและสมอง กระตุ้นให้ตับอ่อน สร้างอินซูลินได้ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะสมดุล (สำหรับคนไทยเมืองร้อน ขอแนะนำเฉพาะ โสม GR150 เท่านั้น)

6. สาหร่ายเกลียวทอง (ตื่นนอนตอนเช้า 5 เม็ด + น้ำ 2 แก้ว) เป็นอาหารที่ เหมาะสำหรับฟื้นฟู ตับ เพราะ เนื้อเยื่อของตับประกอบด้วยสารประเภทโปรตีนถึง 70% ซึ่งใกล้เคียงกับ โปรตีนที่มีอยู่ในสาหร่ายเกลียวทองที่มีมากถึง 70% เช่นกัน (มากกว่าไข่ไก่และเนื้อสัตว์ 2-3 เท่า) ดังนั้นในการฟื้นฟูเซลล์ของตับที่เสียหาย ต้องใช้โปรตีนในการซ่อมแซม อีกทั้งสาหร่ายเกลียวทอง สามารถย่อยง่าย และ ดูดซึมได้ถึง 95% ดังนั้น ตับก็จะได้โปรตีนและสารอื่นๆจำนวนมากเพื่อไปซ่อมแซมเซลล์ตับ และ ไม่ต้องทำงานหนักในการกำจัดของเสีย ตับก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว

7. ยาธรณีสันฑะฆาต (ก่อนนอน 2 แคปซูล) มีสรรพคุณดีทอกซ์ของเสียที่เป็นก้อนติดแน่นตั้งแต่ลำไส้ส่วนบนถึงลำไส้ส่วนล่างออกจากร่างกาย ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เลือดลมเดินสะดวก ต่างจากการดีทอกซ์ด้วยกาแฟ ซึ่งจะขับของเสียออกแค่จากลำไส้ส่วนล่างเท่านั้น

8. ทำ Detox แบบสวนล้างลำไส้ (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) จะช่วยให้ของเสียในลำไส้ใหญ่น้อยลง ตับต้องทำงานน้อยลงด้วย

.....................

ดิอโรคยา การแพทย์แผนไทย : 02-682-1215

สุขภาพดีง่ายๆ แค่ย่อยได้ และ ขับถ่ายดี https://www.facebook.com/photo.php?fbid=560082780718610&set=a.417640581629498.95272.173200686073490&type=1&theater



(สัญญาณเตือนของผู้ที่มี ตับ อ่อนแอ)
บทความโดย : หมอนัท ดิอโรคยา

คุณปรียา อายุ 45 ปี เข้ามาปรึกษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่สบายใจเอามากๆ เพราะ
1. มีเนื้องอกในมดลูก พบตั้งแต่ปี 2553 แรกเจอก้อนเล็กๆ ตอนนี้ขยายออกเป็น 8 เซนติเมตรแล้ว ยังไม่มีอาการปวดใดๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเล็กลงไป
2. มีก้อนเนื้อบริเวณ เต้านมด้านซ้าย พบหลายก้อนประมาณ 2 เดือนที่แล้วหมอบอกรอให้ใหญ่กว่านี้แล้วค่อยผ่า ถ้าใหญ่มากก็ต้องตัดไปทั้งมดลูกรังไข่ ตอนนี้มีอาการร้อนใจเพราะไม่รู้จะหยุดยั้งการเติบโตของก้อนเนื้อได้อย่างไร

ก้อนเนื้อ เนื้องอก นี่เป็นอาการเตือนอย่างหนึ่งของร่างกายว่า เรามีขยะในร่างกายมากเกินไป เราทานอาหารที่โภชนาการเกินที่จะนำไปใช้ แต่รู้หรือไม่ว่าที่เก็บขยะหรือเนื้องอกที่เกิดขึ้นในร่างกายคือเบาะแสให้ ทราบได้ถึงสาเหตุของอาการป่วย เตือนเราถึงพฤติกรรมที่ผิดพลาดในอดีต อ่านจากใบประวัติคนไข้ที่เขียนมาของคุณปรียาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงสอบถามถึงอดีตที่ผ่านมามีการทานอาหารอย่างไร ต้องมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนสิน่า เพราะรูปร่างเธอก็สมส่วนดีไม่น่าจะเป็นคนทานอาหารไม่ระวัง สอบถามหลายเรื่องจนคุณปรียานึกได้ว่า เคยไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมา 4 ปี ช่วงนั้นทานแต่นมกับอาหารที่ชงข้นๆ แต่ละอย่างก็มีนม เนย อยู่ด้วยทั้งนั้น

คุณวิยะดา อายุ 31 ปี น้ำหนัก 54 กิโลกรัม มาจากต่างจังหวัดเล่าอาการให้ฟังดังนี้
1. เวียนศีรษะหลายปีแล้ว จากการทำงานใช้คอมพิวเตอร์ กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ
2. ปวดท้องน้อย ตรวจพบช็อคโกแลตซีสต์ที่รังไข่ เวลาปวดก็จะทานยาแก้ปวดหลังๆก็ไม่ทานยาแล้วปวดก็ทนเอา
3. ปวดหลังบริเวณบั้นเอวหลังจากปวดท้องน้อย 1 ปี
4. ตรวจพบเนื้องอกที่แกนสมองข้างขวา
5. มีเม็ดผื่นคันเล็กๆตามผิวหน้า ร่องจมูก ไรผม หลังหู มีอาการนาน 3 ปี ผิวหนังลอกเป็นแผ่นๆ ทายาแล้วไม่หายจึงปล่อยให้เป็นไปเรื่อยๆ

เธอเล่าให้ฟังว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุต้นไม้ ดอกไม้ ฝึกลูกน้องจนเก่งจึงมีเวลาว่างไปเสาะแสวงหาของกินตามที่ต่างๆ จังหวัดไหน ที่ไหน ขอให้บอกถ้าเธอรู้เธอจะตามไปแน่นอน

- ชอบทานแต่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผัก โดยเฉพาะอาหารทะเล ปลา ปลาหมึก ไข่ปลาหมึก หอยนางรม มันปู มันกุ้ง สามารถขับรถไปพัทยา อ่างศิลา ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทานอาหารทะเลและซื้อกลับบ้าน

- ดื่มนมแทนน้ำประมาณ 1 ลิตรต่อวัน นมช็อคโกแลตชอบมาก บางวันกินช็อคโกแลตแท่งแทนข้าว ทานข้าวน้อยมากมักจะทานขนมปังฮอทดอก ขนมเค้กที่มีเนื้อครีมมากๆ ทานทุเรียนเป็นลูกๆแทนอาหาร

- ดื่มแต่น้ำเย็น น้ำอัดลมวันละ 1 ขวด นมเย็น ชาเย็นวันละ 2 แก้วใหญ่ หากหิวก็จะทานน้ำเต้าหู้แทนข้าว ก่อนอาหารดื่มน้ำเย็น 3 แก้ว หลังอาหารดื่มน้ำเย็นอีก 3 แก้ว เนื่องจากทานอาหารทะเลมีน้ำจิ้มเผ็ด

หลังจากบันทึกประวัติแล้ว จึงให้ไปนวดเท้าและตัว เธอบอกว่ารู้สึกเจ็บตามเส้นทั้งเท้าและตัว กดจุดไหนก็เจ็บ แต่หลังจากนวดเสร็จแล้วหายเวียนศีรษะ จึงได้ถามว่าทำไมถึงได้กินอาหารแบบสุดโต่งแบบนี้ เธอตอบว่า อ่านหนังสือมาในหนังสือบอกว่ากินแป้งหรือข้าวแล้วอ้วน เธออยากลดความอ้วนโดยไม่กินยาลดความอ้วน จึงเปลี่ยนเป็นทานอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และกินผลไม้แทนผัก แต่เมื่อได้อ่านหนังสือใครไม่ป่วยยกมือขึ้นหลายเล่ม จึงเปลี่ยนกลับไปทานข้าวกล้อง ทานกับข้าวที่มีผักมากขึ้น ทานน้ำเปล่าที่ไม่เย็น ปรากฏว่ามี ผื่น สิว มากขึ้นแผลที่มีก็มีน้ำเหลืองไหลออกมา

จึงบอกกับเธอว่านี่ล่ะคือความมหัศจรรย์ของร่างกายเมื่อไหร่ที่เราดูแลเขาดี เขาก็จะเริ่มขับของเสียและซ่อมแซมตัวเอง อย่ามัวทานแต่ยากดภูมิคุ้มกันกดอาการอยู่เลย ของเสียที่เกิดขึ้นต้องปล่อยให้ร่างกายขับออกมา ทั้งทางอุจจาระ ปัสสาวะ ผิวหนัง ช่วงนี้คุณต้อง “อดทน”ลูกเดียว ปล่อยให้ระบบกำจัดของเสียในร่างกายทำงานอย่างเต็มที่

อาหารที่มีโภชนาการเกินไปโดยเฉพาะนมที่อุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนมากๆเมื่อ ทานมากเกินไป เราจะขับไขมันและโปรตีนส่วนเกินออกจากร่างกายไม่ทัน ของเสียส่วนเกินก็จะถูกนำไปเก็บไว้ที่ตับจนเกิดไขมันพอกตับ ตับอ่อนแอ และจะส่งสัญญาณเตือนมายังร่างกายของเราทางเส้นลมปราณตับ ทำให้มีก้อนเนื้องอก ก้อนซีสต์ ก้อนพังผืด เกิดขึ้นที่แนวเส้นนี้โดยง่าย ถ้าเป็นผู้หญิงบริเวณที่มีความเสี่ยงคือ เต้านม รังไข่ มดลูก ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว ส่วนสัญญาณเตือนของผู้ชายว่ามีของเสียที่ตับมากคือ หน้ามัน ผมร่วง ต่อมลูกหมากโต

* ใครที่มีก้อนซีสต์ เนื้องอกมากๆพึงระลึกได้เลยว่า ขณะนี้ตับของท่านกำลังอ่อนแรงเหลือเกิน ไม่สามารถขับของเสียและไขมันส่วนเกินออกมาได้จึงสะสมอยู่ในร่างกาย ในเบื้องต้นยังไม่อันตราย แต่หากปล่อยไว้ก็คงไม่พ้น มะเร็งเต้านม มดลูก รังไข่ หรือ มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นแน่ หากโชคร้ายก็ต้องเผชิญกับมะเร็งตับ

ขั้นตอนในการรักษาโรคตับอ่อนแอ ผู้หญิงที่มีก้อนซีสต์หรือเนื้องอกมากบริเวณเต้านม มดลูกรังไข่ หรือผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต

ดังนั้นช่วงที่มีอาการจึงควรแก้ไขพฤติกรรมที่ทำร้ายตับ เพื่อให้ตับได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเองเสียบ้าง วิธีคือ

1. นอนก่อน 5 ทุ่มเพราะเป็นเวลาที่ลมปราณของถุงน้ำดีทำงานคู่กันกับตับ จนถึงตีสาม
2. งดดื่มเหล้าและ แอลกอฮอล์ทุกชนิด
3. งดกาแฟเพราะมีคาเฟอีนซึ่งไปกระตุ้นให้ตับทำงานมากเกินไป 4. ลดอาหารกลุ่มไขมัน ไขมันทรานส์ ของมันของทอด
5. ทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวันไม่เกิน 9 โมงเช้าเพราะเป็นเวลาที่มีน้ำย่อยและเอนไซม์มากพร้อมที่จะเปลี่ยนอาหารให้ เป็นพลังงานและสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว
6. ก่อนนอน 2-3 ชม.ไม่ทานอาหารมื้อหนัก
7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
8. นวดตัวอาทิตย์ละ 1 ครั้งโดยเฉพาะเส้นข้างขา

ตับของเราเป็นอวัยวะที่ใหญ่และอดทนมาก แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วจะแก้ไขได้ยาก รวมถึงร่างกายจะทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทำความเข้าใจและลดพฤติกรรมทำร้ายตับไว้แต่เนิ่นๆเป็นหนทางดูแลตับที่ ดีที่สุดครับ

.....................

สมุนไพร และวิธีฟื้นฟูตับ 8 ขั้นตอน

สรรพคุณโดยย่อ : เร่งระบายของเสียออกจากร่างกายด้วยการดีท๊อกซ์ ,ลดของเสียโดยสนับสนุนให้กระเพาะ และลำไส้ ย่อยและดูดซึมอาหารได้ดี ด้วย ขมิ้นชัน และ Probiotic ,บำรุงตับด้วยโสม เติมสารอาหารให้ตับเพื้อผลิตเลือดด้วยสาหร่ายเกลียวทอง ,ละลายไขมันที่พอกตับ ด้วยน้ำมันมะพร้าว ,เร่งตับขับสารพิษ และไขมันออกจากตับ ด้วยสมุนไพรเบญจพันธุ์

1. ทานขมิ้นชัน (ก่อนอาหาร 2 แคปซูล) ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย เพิ่มประสิทธิภาพในการย่อย และ กำจัดลม ช่วยให้ตับหลั่งน้ำดี อีกทั้งมีสารอาหารและต้านอนุมูลอิสระอยู่มากช่วยให้ตับแข็งแรงขึ้น

2. ทานน้ำเอนไซม์ (หลังอาหารทุกมื้อ) หรือ ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก(จุลินทรีย์ที่ดี)เพื่อเร่งกระบวนการย่อยสลายของเสียตก ค้างในลำไส้ เพื่อลดภาระการทำงานของตับ

3. น้ำมันมะพร้าว ( 2-4 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้า ,เย็น) เพิ่มไขมันชนิดดี โดยทานน้ำมันมะพร้าว เพื่อเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL) ที่จะช่วยนำไขมันคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดไม่ให้อุดตัน ( ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ Ze-oil ประกอบด้วย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันกระเทียม น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันรำข้าว ทานตื่นนอน และก่อนนอน 2 แคปซูล )

4. ยาน้ำสมุนไพรเบญจพันธุ์ ลูกใต้ใบ (หลังอาหาร 2 ช้อนโต๊ะ) ช่วยบำรุงตับ และ เปิดท่อน้ำดีเพื่อให้ของเสียและไขมันที่พอกอุดตันที่ตับ ถูกขับออกมาง่ายขึ้น รวมถึงการช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่กระแสเลือดให้มากขึ้น เพื่อเร่งการขับของเสียออกทางปัสสาวะได้มากขึ้นอีกทาง โดย

5. โสม (เช้าวันละ 1 เม็ด) มีสรรพคุณบำรุงอวัยวะภายในทั้งห้า (หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต) เพิ่มการดูดซึมออกซิเจนของผนังเซล เซลจึงสามารถสร้างพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของสารอาหารเข้าสู่ร่างกายและสมอง กระตุ้นให้ตับอ่อน สร้างอินซูลินได้ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะสมดุล (สำหรับคนไทยเมืองร้อน ขอแนะนำเฉพาะ โสม GR150 เท่านั้น)

6. สาหร่ายเกลียวทอง (ตื่นนอนตอนเช้า 5 เม็ด + น้ำ 2 แก้ว) เป็นอาหารที่ เหมาะสำหรับฟื้นฟู ตับ เพราะ เนื้อเยื่อของตับประกอบด้วยสารประเภทโปรตีนถึง 70% ซึ่งใกล้เคียงกับ โปรตีนที่มีอยู่ในสาหร่ายเกลียวทองที่มีมากถึง 70% เช่นกัน (มากกว่าไข่ไก่และเนื้อสัตว์ 2-3 เท่า) ดังนั้นในการฟื้นฟูเซลล์ของตับที่เสียหาย ต้องใช้โปรตีนในการซ่อมแซม อีกทั้งสาหร่ายเกลียวทอง สามารถย่อยง่าย และ ดูดซึมได้ถึง 95% ดังนั้น ตับก็จะได้โปรตีนและสารอื่นๆจำนวนมากเพื่อไปซ่อมแซมเซลล์ตับ และ ไม่ต้องทำงานหนักในการกำจัดของเสีย ตับก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว

7. ยาธรณีสันฑะฆาต (ก่อนนอน 2 แคปซูล) มีสรรพคุณดีทอกซ์ของเสียที่เป็นก้อนติดแน่นตั้งแต่ลำไส้ส่วนบนถึงลำไส้ส่วน ล่างออกจากร่างกาย ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เลือดลมเดินสะดวก ต่างจากการดีทอกซ์ด้วยกาแฟ ซึ่งจะขับของเสียออกแค่จากลำไส้ส่วนล่างเท่านั้น

8. ทำ Detox แบบสวนล้างลำไส้ (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) จะช่วยให้ของเสียในลำไส้ใหญ่น้อยลง ตับต้องทำงานน้อยลงด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น