หากใครที่พักผ่อนได้ไม่เพียงพอทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนดึกเป็นประจำ ตื่นไม่เคยทันอาหารเช้า ต้องทานอาหารมื้อเที่ยงและเย็นหนักๆ ตบท้ายด้วยของหวานเพราะมีอาการอ่อนเพลีย(ต้องการน้ำตาล) ตับก็จะร้อนและทำงานได้น้อยลงเรื่อยๆผมมักจะเรียกโรคนี้ให้คนไข้เข้าใจง่ายขึ้นว่า “โรคตับขี้เกียจ”
หน้าที่หลักๆของตับที่จะเสื่อมถอยลงคือ
1.สร้างพลังงานเมื่อไหร่ที่ตับของเราเริ่มขี้เกียจเราก็จะเริ่มสร้างพลังงาน ได้น้อยลง ทำให้ติดกาแฟและของหวานเพราะสร้างพลังงานได้ง่าย แต่อยู่ได้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
2.เอาของเสียออกจากร่างกาย ตับที่เอาของเสียออกได้น้อย ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพทำให้ของเสียตกค้างอยู่ในร่างกายมาก สังเกตความเสื่อมของตับได้จาก ผิวหนังที่หมองคล้ำ(คล้ายคนอดนอน) และ ตาขาวเหลืองขุ่น หรือตาแดงคนไข้บางท่านก็มีอาการบ้านหมุน น้ำในหูไม่เท่ากัน
ผู้ที่เป็นเจ้าของตับขี้เกียจในลักษณะนี้ก็จะหนีไม่พ้น อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง โรคฮิตติดลมบนกันทั่วโลก ซึ่งอาการไม่ใช่เพียงอ่อนเพลียเท่านั้น จะมีอาการข้างเคียงมาด้วยเช่น ตึงขาด้านข้าง ไล่ขึ้นมาตั้งแต่เท้าบริเวณนิ้วนาง ข้อเท้าด้านข้าง จุดสลักเพชรบริเวณแก้มก้น ปวดตึงศีรษะด้านข้างบริเวณเหนือใบหู(คล้ายโรคไมเกรน)และท้องอืดง่าย
ดังนั้นช่วงที่มีอาการจึงควรแก้ไขพฤติกรรมที่ทำร้ายตับ เพื่อให้ตับได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเองเสียบ้าง วิธีคือ
1. นอนก่อน 5 ทุ่มเพราะเป็นเวลาที่ลมปราณของถุงน้ำดีทำงานคู่กันกับตับ จนถึงตีสาม
2. งดดื่มเหล้าและ แอลกอฮอล์ทุกชนิด
3. งดกาแฟเพราะมีคาเฟอีนซึ่งไปกระตุ้นให้ตับทำงานมากเกินไป
4. ลดอาหารกลุ่มไขมัน ไขมันทรานส์ ของมันของทอด
5. ทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวันไม่เกิน 9 โมงเช้าเพราะเป็นเวลาที่มีน้ำย่อยและเอนไซม์มากพร้อมที่จะเปลี่ยนอาหารให้ เป็นพลังงานและสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว
6. ก่อนนอน 2-3 ชม.ไม่ทานอาหารมื้อหนัก
7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
8. นวดตัวอาทิตย์ละ 1 ครั้งโดยเฉพาะเส้นข้างขา
ตับของเราเป็นอวัยวะที่ใหญ่และอดทนมาก แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วจะแก้ไขได้ยาก รวมถึงร่างกายจะทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทำความเข้าใจและลดพฤติกรรมทำร้ายตับไว้แต่เนิ่นๆเป็นหนทางดูแลตับที่ ดีที่สุดครับ
.....................
สมุนไพร และวิธีฟื้นฟูตับ 8 ขั้นตอน
สรรพคุณโดยย่อ : เร่งระบายของเสียออกจากร่างกายด้วยการดีท๊อกซ์ ,ลดของเสียโดยสนับสนุนให้กระเพาะ และลำไส้ ย่อยและดูดซึมอาหารได้ดี ด้วย ขมิ้นชัน และ Probiotic ,บำรุงตับด้วยโสม เติมสารอาหารให้ตับเพื้อผลิตเลือดด้วยสาหร่ายเกลียวทอง ,ละลายไขมันที่พอกตับ ด้วยน้ำมันมะพร้าว ,เร่งตับขับสารพิษ และไขมันออกจากตับ ด้วยสมุนไพรเบญจพันธุ์
1. ทานขมิ้นชัน (ก่อนอาหาร 2 แคปซูล) ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย เพิ่มประสิทธิภาพในการย่อย และ กำจัดลม ช่วยให้ตับหลั่งน้ำดี อีกทั้งมีสารอาหารและต้านอนุมูลอิสระอยู่มากช่วยให้ตับแข็งแรงขึ้น
2. ทานน้ำเอนไซม์ (หลังอาหารทุกมื้อ) หรือ ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติก(จุลินทรีย์ที่ดี)เพื่อเร่งกระบวนการย่อยสลายของเสียตก ค้างในลำไส้ เพื่อลดภาระการทำงานของตับ
3. น้ำมันมะพร้าว ( 2-4 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้า ,เย็น) เพิ่มไขมันชนิดดี โดยทานน้ำมันมะพร้าว เพื่อเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL) ที่จะช่วยนำไขมันคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดไม่ให้อุดตัน ( ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ Ze-oil ประกอบด้วย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันกระเทียม น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันรำข้าว ทานตื่นนอน และก่อนนอน 2 แคปซูล )
4. ยาน้ำสมุนไพรเบญจพันธุ์ ลูกใต้ใบ (หลังอาหาร 2 ช้อนโต๊ะ) ช่วยบำรุงตับ และ เปิดท่อน้ำดีเพื่อให้ของเสียและไขมันที่พอกอุดตันที่ตับ ถูกขับออกมาง่ายขึ้น รวมถึงการช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่กระแสเลือดให้มากขึ้น เพื่อเร่งการขับของเสียออกทางปัสสาวะได้มากขึ้นอีกทาง โดย
5. โสม (เช้าวันละ 1 เม็ด) มีสรรพคุณบำรุงอวัยวะภายในทั้งห้า (หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต) เพิ่มการดูดซึมออกซิเจนของผนังเซล เซลจึงสามารถสร้างพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของสารอาหารเข้าสู่ร่างกายและสมอง กระตุ้นให้ตับอ่อน สร้างอินซูลินได้ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะสมดุล (สำหรับคนไทยเมืองร้อน ขอแนะนำเฉพาะ โสม GR150 เท่านั้น)
6. สาหร่ายเกลียวทอง (ตื่นนอนตอนเช้า 5 เม็ด + น้ำ 2 แก้ว) เป็นอาหารที่ เหมาะสำหรับฟื้นฟู ตับ เพราะ เนื้อเยื่อของตับประกอบด้วยสารประเภทโปรตีนถึง 70% ซึ่งใกล้เคียงกับ โปรตีนที่มีอยู่ในสาหร่ายเกลียวทองที่มีมากถึง 70% เช่นกัน (มากกว่าไข่ไก่และเนื้อสัตว์ 2-3 เท่า) ดังนั้นในการฟื้นฟูเซลล์ของตับที่เสียหาย ต้องใช้โปรตีนในการซ่อมแซม อีกทั้งสาหร่ายเกลียวทอง สามารถย่อยง่าย และ ดูดซึมได้ถึง 95% ดังนั้น ตับก็จะได้โปรตีนและสารอื่นๆจำนวนมากเพื่อไปซ่อมแซมเซลล์ตับ และ ไม่ต้องทำงานหนักในการกำจัดของเสีย ตับก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว
7. ยาธรณีสันฑะฆาต (ก่อนนอน 2 แคปซูล) มีสรรพคุณดีทอกซ์ของเสียที่เป็นก้อนติดแน่นตั้งแต่ลำไส้ส่วนบนถึงลำไส้ส่วน ล่างออกจากร่างกาย ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เลือดลมเดินสะดวก ต่างจากการดีทอกซ์ด้วยกาแฟ ซึ่งจะขับของเสียออกแค่จากลำไส้ส่วนล่างเท่านั้น
8. ทำ Detox แบบสวนล้างลำไส้ (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) จะช่วยให้ของเสียในลำไส้ใหญ่น้อยลง ตับต้องทำงานน้อยลงด้วย
ที่มา: Herbale
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น