การรักษามะเร็งในแง่ของธรรมชาติบำบัด
มีหลักการดังนี้ คือ
1. ควบคุมก้อนมะเร็งให้หยุดโตหรือให้เล็กลง
2. เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย
3. ป้องกันไม่ให้มะเร็งแพร่กระจาย
หลักการทั้งสามมีรายละเอียดดังนี้
1. ทำอย่างไรให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง
ซึ่งหากไม่ต้องการผ่าตัดเคมีบำบัด หรือการฉายรังสี อาจจะอาศัยการควบคุมอาหารเพื่อให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงก็ย่อมกระทำได้
การควบคุมปริมาณโปรตีนให้เพียงพอแก่ความจำเป็นพื้นฐานของร่างกาย โดยให้กินวันละเพียง 28 - 33 กรัมต่อวัน และไขมันให้กินวันละเพียง 3 กรัม จะเพียงพอ ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี สามารถสร้างเอนไซด์ ฮอร์โมน และมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ตามปกติ แต่ปริมาณโปรตีนและไขมันเพียงเท่านี้จะไม่พอสำหรับทำให้ก้อนมะเร็งโตขึ้น มะเร็งที่ไม่โตขึ้นก็จะไม่สามารถทำอันตรายเซลล์ร่างกายได้โดยมีการจำกัดอาหารกลุ่มนี้เพียงระยะสั้น รอให้ร่างกายฟื้นสภาพของภูมิต้านทานคืนมา
2.เพิ่มภูมิต้านทาน
เพื่อทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยการใช้ผักสดและผลไม้สดปริมาณมาก ส่วนหนึ่งกินแบบสด ๆ เป็นจาน ๆ และอีกส่วนหนึ่งอาศัยการคั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม เพื่อทิ้งกากซึ่งเป็นวิธีทำให้ร่างกายได้สารอาหาร นอกจากจะอาศัยผักสดและผลไม้สดปริมาณมากแล้ว การเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายยังสามารถทำได้โดย :
- ใช้ความร้อนเพื่อกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวโดยการอาบแดด อบสมุนไพรซาวน่า
- ออกกำลังแบบแอคโรบิคทุกวัน สม่ำเสมอ โดยใช้ความแรงที่ 60% ของความสามารถสูงสุดของหัวใจ เป็นเวลานาน 20 - 30 นาที เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค แล้วแต่ความสามารถของผู้ป่วยในขณะนั้น
- ทำสมาธิแบบอานาปานสติ ฝึกโยคะ ชี่กง ฤาษีดัดตน ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบตะวันออกที่มีการเคลื่อนไหวประสานกับลมหายใจอาศัยลมหายใจเข้าออกทำให้ใจสงบลง
- การใช้วิตามินและอาหารเสริมกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว
- การใช้สมุนไพรในการกระตุ้นภูมิต้านทาน
ทั้งหมดนี้ต้องถือปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน จึงจะสามารถฟื้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้กลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม
3. ป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง
ส่วนหนึ่งโดยการใช้ผักสด และผลไม้สดปริมาณมาก เพื่อรับเอาวิตามินซีสูง ๆ เข้าไปป้องกันการหลุดลอกตัวของเซลล์มะเร็งออกจากก้อน เนื่องจากเอนไซม์ไฮยาลูโรดิเมล์จากก้อนมะเร็ง ที่ทำหน้าที่สลายเซลล์มะเร็งให้หลุดออกจากกัน จะไม่ทำงานหากมีวิตามินซีปริมาณสูง การกินวิตามินซีปริมาณสูงเท่ากับเป็นการสกัดกั้นการแพร่กระจายของก้อนมะเร็ง นอกจากนี้กระบวนการเพิ่มภูมิต้านทาน เพื่อทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็เป็นการป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็งไปในตัว
หลักการทั้งสามประการนี้ กระบวนการเพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกายเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดในการรักษา เนื่องจากการป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งมีโอกาสโตขึ้นมากอีก หากผ่าตัดฉายรังสี หรือรักษาด้วยเคมีบำบัดไปแล้วก็สมควรฟื้นภูมิต้านทานให้เม็ดเลือดขาวมาควบคุมเซลล์มะเร็งด้วยตัวของมันเอง จึงจะได้ผลในการรักษาดีกว่า และเนื่องจากอาหารและวิถีชีวิตเป็นตัวกำหนดภูมิต้านทาน การรักษามะเร็งจะได้ผลสมควรต้องมีการเปลี่ยนอาหาร การปรับชีวิตความเป็นอยู่เป็นสำคัญ
สรุปวิธีธรรมชาติในบำบัดมะเร็งที่ง่ายที่สุดได้ผลและ ประหยัดสุด ใช้ได้ทั้งการการป้องกันและบำบัด
1. ปรับตัวให้คืนสู่ธรรมชาติมากที่สุด และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เพื่อลดสารพิษที่มาจากภายนอกและภายใน
2. ออกกำลังกาย 20-30 นาที ทุกวัน ทำตัวให้สบาย ไม่เร่งรีบ หลีกเลี่ยงความเครียด การออกกำลังกายจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระช่วยเสริมภูมิร่างกายต้านมะเร็ง มีผลวิจัยออกมาว่าช่วยป้องกันมะเร็งได้ 25 %
3. ตื่นให้เช้ากว่าที่เคยตื่น ทานน้ำอุ่น 3- 5 แก้ว ให้ขับถ่ายอุจจาระออกมา เพื่อไม่ให้เพิ่มภาระสารพิษตกค้างในร่างกาย ระหว่างวันให้ทานน้ำให้มากเพียงพออย่างน้อย 8-12 แก้ว
4. งดอาหารเค็ม หมักดอง อาหารปิ้ง ทอด ย่าง งดอาหารรสจัด ทานเนื้อสัตว์
ไขมัน ให้น้อยที่สุด ควรทานโปรตีนจากพืช เช่น ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง เป็นต้น
ถ้าหากทานอาหารปกติไม่ได้หรือทานแล้วอาเจียน ให้ทานข้าวกล้องชงสำเร็จรูป ชงทานแทนอาหารปกติ จะทำให้คนไข้ไม่ขาดสารอาหาร ทำให้มีแรงในการเดินเหินไปมาได้สะดวก ภูมิต้านทานในร่างกายจะดีขึ้น
5. ทานผัก ผลไม้ให้มากๆ เพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระมาต้านมะเร็ง แต่ผัก ผลไม้ปัจจุบันก็ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงจำนวนมาก ทำให้ร่างกายเป็นภาระต้องกำจัดออกไป และผู้ป่วยเองก็ไม่สามารถทานผักผลไม้ได้มากเพียงพอในการจะได้สารต้านอนุมูลอิสระมาต้านมะเร็งได้ ดังนั้นหากไม่สามารถทานผัก ผลไม้ ได้มากพอ ให้ทานอาหารเสริม ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็ง เช่น น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น สารสกัดจากมังคุด น้ำสมุนไพร เป็นต้น โดยเฉพาะน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น ได้ชื่อว่าเป็น super antioxidant มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซี 20 เท่า และมากกว่าวิตามินอี 50 เท่า มีผลงานวิจัยรองรับกว่า 12,000 เรื่องมีการค้นคว้ามากว่า 20 ปี
เดี่ยวนี้ราคาถูกลงมากเนื่องจากมีผู้นิยมทานมากขึ้น นอกจากจะช่วยป้องกันยับยั้งมะเร็ง
แล้ว ยังได้ประโยชน์ต่างๆอีกมาก เช่น ป้องกันโรคหัวใจ เสริมภูมิร่างกาย
ลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดภูมิแพ้ ช่วยเรื่องผิวพรรณ ลดการอักเสบ สิว ฝ้า
ตกกระ เป็นต้น ข้อดีของการทานน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นก็คือ สามารถคุมปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระได้แน่นอน ต่างกับการทานผักผลไม้ทั่วไปนั้น จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ทานผักหรือผลไม้เท่าไร จึงจะเพียงพอ มีนักโภชนาการได้พยายามทำเมนูอาหารสุขภาพผัก ผลไม้ขึ้นมา แต่มันยุ่งยากในแง่ปฏิบัติมาก พอมาคำนวณค่าผักผลไม้ตามเมนูสุขภาพแล้วแพงกว่า น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นมาก
6.ให้ผู้ป่วยทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกวัน หากไม่สะดวก ให้พาไปถวายสังฆทานที่วัดที่สะดวกทุกอาทิตย์ ก็จะทำให้จิตใจผู้ป่วยสบายขึ้น จิตอิ่มเอิบ เกิดปิติมีผลต่อร่างกายทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ในการยั้บยั้งเซลมะเร็ง ซึ่งช่วยให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น มีผู้ป่วยมะเร็งระยะ-3-4 หลายคนที่สามารถมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้เป็นเวลาหลายปี ทั้งๆที่หมอบอกให้ทำใจได้แล้ว ดูรายละเอียดการอุทิศบุญได้ที่ mind-power
7. การรักษาอารมณ์ ไม่ให้เคร่งเครียด เป็นทุกข์ กังวล กระวนกระวายการอิจฉา ริษยา ความโกรธ ความไม่พอใจทั้งหลายล้วนทำให้ร่างกาย หลั่งฮอร์โมนร้าย ที่ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายต่ำลง การปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำด้วยการถือศีลหรือนั่งสมาธิก็ดี สวดมนต์ไหว้พระก็ดี ฟังธรรมะก็ดี ก็เป็นทางออกที่ช่วยควบคุมอารมณ์ได้และเป็นการทำบุญที่ไม่ต้องเสียเงิน ได้กุศลมากมายมหาศาลและทำให้จิตใจสงบคลายความกังวลทุกข์โศกได้ ืำทำให้ร่างกายไม่เครียด สุขภาพจิตดีช่วยเพิ่มภูมต้านทานร่างกายได้อย่างดี ทางเว็บได้รวบรวมธรรมะจากพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศได้เลือกฟังตามศรัทธาของท่าน ฟังสะดวก เพราะเป็นรูปแบบวิดิโอรับชมและรับฟังได้ที่ guru-dhamma
8. ญาติพี่น้องลูกหลานคนรอบข้างมีส่วนสำคัญ ให้ทำความเข้าใจว่า ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมะเร็งจะไม่ได้เสียชีวิตจากมะเร็งโดยตรงทั้งหมด การดูแลที่ดีจากคนรอบข้างจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นหรือทรุดอย่างรวดเร็ว
โดย ทางแพทย์สายพุทธ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น