วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ท้องอืดเฟ้อ จนเรอเหม็นเปรี้ยว จากน้ำย่อย

อืด,เฟ้อ,เรอ เป็นลักษณะสภาพที่เกิดแต่ลมทั้งสิ้น หมอไทยกล่าวว่าเกิดแต่ลมในไส้,นอกไส้ และลมในไส้,นอกไส้ เกิดแต่กำเดาย่อย (ไอความร้อนที่มาจากขบวนการสันดาปอาหาร) ธรรมชาติของไอร้อนจะ
ลอยตัวสูงขึ้นเสมอ ไอที่ร้อนน้อยกว่าก็จะเข้ามาแทนที่ เกิดเป็นลมพัดขึ้นด้านบนเพราะเป็นลมร้อน
นอกจากขึ้นบนแล้วยังสะสมอยู่ในลำไส้ใหญ่,ลำไส้เล็ก เปรียบได้กับเราสูบลมเข้าไปในยางในของ
รถจักรยานจนโป่งพอง ลมในใส้ก็เช่นกัน สะสมจนลำไส้พองอืดไม่ต่างจากยางในจักรยาน เรียกอาการนี้ว่า
"ท้องอืด" และเมื่ออืดขึ้นเรื่อยๆก็จะเกิดแรงดันขึ้นบน เรียกอาการนี้ว่า "ท้องเฟ้อ" ซึ่งเมื่อลมเฟ้อดันขึ้นข้างบน
เราเรียกอาการนี้ว่า "เรอ"
นั่นคือธรรมชาติที่เกิดแต่ขบวนการสันดาปอาหาร อืดก่อนแล้วจะเฟ้อจนเรอออกมา ถ้าเรอเหม็นเปรี้ยว
นั่นแสดงว่า ลมเฟ้อไปดันน้ำย่อยซึ่งมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวขึ้นไปพร้อมกันด้วย น้ำย่อยไม่ต่างไปจากน้ำกรด ไอ
ของน้ำกรดเราเรียก ไอกรด ไอของน้ำย่อยเราเรียก ไอน้ำย่อยหรือกำเดาย่อยนั่นเอง ถ้ากำเดาย่อยเกิดขึ้นมาก
เราก็เรียก กำเดาย่อยกำเริบ และเมื่อกำเริบ ก็จะเกิดอาการ ท้องอืดเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยวตามมาในที่สุด
กรดไหลย้อน หรือหมอไทยเรียก เรอเหม็นเปรี้ยว เมื่ิอกรดจะไหลย้อนต้านแรงโน้มถ่วงของโลก พุ่งขึ้น
บนได้แสดงว่าต้องมีบางสิ่งเข้าไปดัน สิ่งนั้นคือ ลม และลมเป็นต้นเหตุของอาการนี้อย่างเที่ยงแท้แน่นอน ถ้า
เราเข้าใจธรรมชาตินี้ได้เราก็จะรักษาอาการนี้ได้อย่างตรงจุดตรงสมุหฐานที่ตั้งแห่งอาการ อย่างที่ทำกันมาได้
แต่โบราณ
หากมีไอความร้อนเมื่อใดลมเกิดเมื่อนั้น หมอไทยดับลมด้วยการดับไฟ ไม่มีไฟก็ไม่มีลมไปดันน้ำย่อยตีขึ้น
บน ไม่ใช่ไปกินยาลดกรด ซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ พอกรดน้อยลงอาหารก็จะไม่ย่อย เมื่ออาหารไม่ย่อย ท้อง
ก็จะอืด อืดแล้วก็เฟ้อ เฟ้อแล้วก็จะดันน้ำย่อยขึ้นไปด้านบน เป็นวงจรอุบาทว์ คนที่กินแต่ยาช่วยย่อยยาลดกรดจึ
ไม่หายจากอาการนี้ได้และตลอดไป เพราะไม่แก้ที่ไฟซึ่งเป็นต้นทางของลม
หมอไทยแก้ที่ไฟมาแต่โบราณ ไฟย่อย/ไฟอุ่นกาย/ไฟร้อนจากตับ คือสามไฟที่หมอไทยไปดับลง ภูมิรู้ของ
หมอไทยยังกล่าวว่า ให้ไปดับไฟจากตับ ไฟย่อยและไฟอุ่นกายจะดับตาม เพราะหากตับร้อนจะทำให้เกิดได้หลายอาการ หนึ่งในนั้นคือเรอเหม็นเปรี้ยว หมอไทยรักษาเป็นขั้นเป็นตอนดังนี้

รุ1 รุลมในไส้-นอกไส้ รุ2 รุระบบทางเดินอาหารให้สะอาด
ล้อม1 ล้อมไฟอุ่นกาย ล้อม2 ล้อมไฟย่อย
รักษา1 รักษาตับให้เย็นลง รักษา2 รักษาอารมณ์ให้เย็นใจ
บำรุง1 บำรุงศอ/อุระ/คูถเสลดที่เสียหายจากน้ำย่อย บำรุง2 บำรุงตับให้บริบูรณ์

ถ้าเป็นแล้วไปพบแพทย์ แต่หากจำเป็นต้องกินยาลดกรด และยาช่วยย่อยก่อนไปพบแพทย์ไม่ต้อง ไปซื้อ ทำเองก็ได้แบบคนสมัยก่อนดังนี้
น้ำกระสายยาลดเรอเหม็นเปรี้ยว
ส่วนประกอบ น้ำด่างทำขนม,น้ำปูนใส,น้ำฝางเสน,น้ำซาวข้าว,เกลือ
วิธีทำน้ำด่าง ด่างทำขนมจ้าง(ซื้อตามร้านยาจีน) 3 รำหัด ละลายในน้ำอุ่น 1 แก้ว
วิธีทำน้ำปูน ปูนแดง(กินกับหมาก) กึ่งช้อนชา ละลายในน้ำอุ่น 1 แก้ว
วิธีทำน้ำฝาง ฝางเสนไปต้มในน้ำเดือดแล้วกรอง แบ่งออกมา 1 แก้ว
วิธีทำน้ำซาวข้าว นำข้าวสารเจ้าไปซาวแล้วรินเอาแต่น้ำให้ได้ 1 แก้ว
นำน้ำทั้งสี่อย่างละแก้ว มาผสมรวมกัน เกลือ 3 รำหัดลงละลาย
วิธีใช้ ใช้ดื่มครั้งละแก้วเมื่อมีอาการ
น้ำกระสายยาช่วยย่อยขับลม
ส่วนประกอบ ขิงแก่/ข่าแก่/ตะไคร้แกง/ใบสะระแหน่/น้ำมะกรูด/น้ำมะนาว/น้ำคั้นเตยหอม/น้ำเชืี่อม
วิธีทำ ต้มขิง,ข่า,ตะไคร้,ใบสะระแหน่ แล้วกรอง พักไว้ให้เย็นจึงเติม น้ำมะกรูด,น้ำมะนาว,
น้ำคั้นเตยหอม,น้ำเชื่อม ให้ได้รสเปรี้ยวนำหวานตาม
วิธีใช้ ดื่ม 1 แก้วหลังจบอาหารทันที

แนะนำเพิ่มเติมว่า ให้หายาขมหรือยาเขียวมาทานตามยามดังนี้
สี่โมงเช้า/เที่ยงแต่ต้องก่อนอาหาร/บ่ายสองโมงเย็น
เมื่อภายในเย็นก็ไม่เกิดลม เมื่อไม่เกิดลม ก็ไม่มีสิ่งใดไปดันน้ำย่อย

โบราณมียารักษาพร้อม ทั้งยาเรอเหม็นเปรี้ยว,ยาอากาศบริรักษ์,ยาเขียวประสระ,ยากล่อมตับและ
น้ำกระสายยาผ่อนน้ำย่อย เพราะคนโบราณก็เป็น แต่เรียก "เรอเหม็นเปรี้ยว" คนเดี๋ยวนี้ลืมไปหมด หันไป
กินกันแต่ยาลดกรด แถมเปลี่ยนชื่อโรคใหม่เป็น "กรดไหลย้อน" กลับไปหาภูมิปัญญาเดิมกันเถอะ เพราะ
เขาเป็นมาก่อนเราหลายร้อยปี เขาหาย แต่เราไม่หาย ถ้าอยากหายก็ขอให้เชื่อคนที่เขาเกิดก่อนเราและเป็น มาก่อนเรา และสุดท้าย เขาหายมาก่อนเรา
 

ที่มา: คมสัน ทินกร ณ อยุธยา (แพทย์แผนไทย)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น