วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"น้ำมันปลา" กับ "น้ำมันตับปลา" ต่างกันอย่างไร?

 




น้ำมันปลา (Fish Oil) คืออะไร ?
            น้ำมันปลา คือน้ำมันที่สกัดจาก เนื้อ หัว หาง และหนังของปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาทูน่า เป็นต้น น้ำมันปลายังเป็นแหล่งของกรดไขมันจำ เป็นไม่อิ่มตัวที่ เรียกว่า โอเมก้า 3 (Omega 3 ) ประกอบไปด้วย อีพีเอ (EPA) และ ดีแอชเอ (DHA) ซึ่ง มีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ บำรุงสมองและสายตา

ต่างจากน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) อย่างไร ?
            น้ำมันตับปลา เป็นน้ำมันที่ได้จากตับปลาทะเล เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และวิตามินดี ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก หากรับประทานมากเกินขนาด อาจเกิดพิษจากการสะสมของวิตามินเอและดีซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในร่างกายส่วนที่เป็นไขมัน

"น้ำมันปลา"
    1. สกัดได้จากเนื้อ หัว หางและของปลาทะเล
    2. เป็นแหล่งที่ให้กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3
    3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง

"น้ำมันตับปลา"
    1. สกัดจากตับปลาทะเล
    2. เป็นแหล่งที่ให้วิตามินเอและดี
    3. บำรุงร่างกายทั่วไป

 

ทำไมจึงต้องทานน้ำมันปลา
           

           โดยทั่วไปแล้ว ในกระแสเลือดของคนเราจะมีไขมันชนิดต่างๆ จำพวก โคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์อยู่ในภาวะสมดุล แต่เมื่อใดก็ตามที่ความสมดุลนั้นเสียไป ก็อาจส่งผลร้ายต่อระบบหลอดเดลอืหัวใจได้เช่นกัน

           ** ค่าระดับโคเลสเตอรอลประเภทต่างๆ และไตรกลีเซอไรด์ที่ปลอดภัย **

     โคเลสเตอรอลรวม น้อยกว่า 200 มก./ดล.
     แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล น้อยกว่า 130 มก./ดล.
     เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล มากกว่า 40 มก./ดล.
     ไตรกลีเซอไรด์ น้อยกว่า 150 มก./ดล.

          *เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล (HDL Cholesterol) คือไขมันชนิดดี
 

           ระดับไขมันในเลือดมีความสัมพันธ์กับอายุ โรคบางอย่าง และการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงจำพวกอาหารขยะ (Junk Food) ของทอดโดยเฉพาะที่ทอดด้วยน้ำมันหมู (น้ำมันหมูแหล่งกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ล้วนแล้วแต่นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดตีบและแข็งตัว (Atherosclerosis) เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือภาวะเส้นเลือดแตกในสมองได้

 

น้ำมันปลากับการบำรุงสมอง
 

          เนื่องจากดีเอชเอ (DHA) เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อสมอง น้ำมันปลาจึงมีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมองหรือแม้แต่การสร้างสารสื่อนำประสาทในสมอง


น้ำมันปลากับโรคหัวใจและหลอดเลือด 

  
         มีหลักฐานบันทึกว่า ชาวเอสกิโมที่อาศัยอยู่ในแถบหมู่เกาะกรีนแลนด์มีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหัวใจและข้ออักเสบต่ำ ทั้งๆ ที่กลุ่มคนเหล้านี้มีการบริโภคไขมันปลาในปริมาณสูง ภายหลังมมีการค้นพบว่าไขมันปลาที่ชาวเอสกิโมบริโภคอยู่นั้นประกอบไปด้วย โอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิต



น้ำมันปลากับโรครูมาตอยด์ (โรคข้ออักเสบ)

           อีพีเอ (EPA) จากโอเมก้า 3 (Omega 3) มีผลในการลดการอักเสบที่เกิดจากสารก่ออักเสบในร่างกาย ซึ่งจะพบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์



ที่มา:  Be Healthy  (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=414937315285471&set=a.218879318224606.47531.216006648511873&type=1&theater)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น