ระดู/ประจำเดือน/เลือดเสีย/ตกขาว/ปวดประจำเดือน/ไข้ทับระดู
คัมภีร์แพทย์แผนไทยแต่โบราณมาเล่มหนึ่งชื่อ "คัมภีร์มหาโชตรัตน์" กล่าวไว้ถึงเรื่อง "ประจำเดือนสตรี"
ความตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่อง โลหิตระดูปกติโทษ
คือมีอาการผิดปกติทุกๆเดือนเหมือนกัน แต่หากมีอาการต่างไปจากเดิมเรียก
โลหิตระดูทุจริตโทษ
โลหิตระดูปกติโทษนั้น จะเกิดก่อนประจำเดือนมาสักสองสามวัน ตลอดจนอายุประจำเดือน และหลังประจำเดือนหมดแล้วสักสองสามวัน มีอาการต่างๆกันไปดังนี้
1. โลหิตระดูปกติโทษเกิดแต่หทัย จะมีอาการทางอารมณ์ ใจร้อนใจเร็ว โมโหง่าย กลัดกลุ้ม
2. โลหิตระดูปกติโทษเกิดแต่น้ำดีและตับ จะมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ (ไข้ทับระดู) เสียดชายโครงขวา
ลงล่างสู่ท้องน้อย หรือหากเป็นมากจะเกิดซ่าไข้แดงๆตามผิวหนัง เกิดแต่เลือดร้อน เลือดเป็นพิษ
จะปวดหัว มึนหนักในศีรษะ
3. โลหิตระดูปกติโทษเกิดแต่เนื้อ จะมีอาการเป็นลมพิษตามเนื้อตัว เช่นเดียวกับการแพ้อาหาร กินอาหารผิดสำแดงนั่นเอง
4. โลหิตระดูปกติโทษเกิดแต่เส้นเอ็น จะมีอาการปวดเมื่อยไปตามเนื้อตามตัว เป็นไข้สะบัดร้อนสะท้านหนาว จะปวดหัว
5. โลหิตระดูปกติโทษเกิดแต่กระดูก จะมีอาการปวดขัดตามข้อกระดูก
คัมภีร์ว่าไว้โลหิตระดูปกติโทษเกิดแต่ลมทั้งหกจำพวกเป็นเหตุ แต่เหตุแห่งลมมาแต่ไฟ ต้องดับไฟเสียก่อนเกิดลม อาการจะบรรเทาลงเมื่อประจำเดือนมา ก่อนประจำเดือนจะเข้าให้ผ่อนร้อนลงเสียก่อน ให้กินอาหารรสเย็นหรือกินของขม รสอาหารต้องไม่จัดจ้าน เสริมด้วยการกินยาขม,ยาเขียว แต่เมื่อประจำเดือนมาให้หยุดของขมของเย็น,ของเปรี้ยว,หวาน,มัน,เค็ม เพราะจะยิ่งทำให้ระบบน้ำในกายกำเริบ
และหากปวดประจำเดือนให้ลอง ทับเย็นแทนทับร้อนไปตรงอู่ของมดลูกก่อน
หากไม่ดีขึ้นให้ทับร้อนอย่างเดียว
ระดูปกติโทษและระดูทุจริตโทษ เป็นเหตุหนึ่งให้เกิดระดูขาวแทรกในเนื้อประจำเดือน หรือเกิดแทรกก่อนเนื้อประจำเดือนมา หากเกิดซ้ำเกิดซากจะเกิดตะกันในโพรงมดลูก(ซีส) ตามด้วยผังผืดมายึดรัดไว้ พอกพูนขึ้นๆกลายเป็นเนื้องอกและเนื้อร้ายในบันปลาย หมอไทยจึงรีบรักษาอาการตกระดูขาวให้หายขาดทันทีเมื่อตรวจพบ และรักษาจนเนื้อประจำเดือนมาเป็นปกติแดงเข้มใส สำแดงถึงความบริบูรณ์แห่งระบบสืบพันธ์และสุขภาพที่แข็งแรงหน้าตาผิวพรรณจะสดใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ไร้สิวฝ้าบนใบหน้า ส่วนระดูทุจริตโทษ เป็นความผิดปกติที่มากกว่าเช่นอาการประจำเดือนขาดโดยไม่มีการตั้งครรภ์ มดลูกแห้งติดแนบเข้ากระดูกสันหลัง ต้องพบแพทย์รีบรักษาแต่อาการที่เป็นมากที่สุดจากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด คืออาการมดลูกลอย มดลูกเคลื่อนซ้าย-ขวา มดลูกลงต่ำ นั่นก็เป็นเหตุให้เกิดอาการดังข้างต้นก็ได้ ให้เปรียบมดลูกดั่งชิงช้าเมื่อชิงช้าแกว่งไปเป็นปกติที่ต้องแกว่งกลับ(กลับเข้าอู่คือที่ตั้ง) หากไม่กลับอาจค้างขึ้นบน ลงล่าง ไปซ้ายย้ายมาขวา ทำให้เกิดอาการต่างๆตามมาดังนี้
1. อาการมดลูกลอย คือเคลื่อนขึ้นบนจนไปเบียดระบบการย่อยและระบบทางเดินหายใจ เกิดอาการอืดเฟ้อเรอ หายใจขัด หายใจตื้น หายใจสั้น เหนื่อยง่าย
2. อาการมดลูกตะแคงซ้าย-ขวา มีอาการเสียดช่องท้อง ปวดไหล่หลังใกล้ต้นคอ ปวดหัวเป็นลมปะกัง (ไมเกรน) ขวาเบียดเข้าตับ ซ้ายเบียดเข้าม้าม
3. อาการมดลูกหย่อน ปวดปัสสาวะบ่อย ปวดหลังเข้ากระเบนเหน็บ หมอไทยจะทำการบำบัดด้วยวิธีการดังนี้
- รุ ตะกันในมดลูก ใช้ยาเช่น ไฟประลัยกัลป์ ขับตะกัน ขับเมือกสกปรก สิ่งคั่งค้างต่างๆ ฟอกโลหิต ด้วยยาที่ทำมาจากสมุนไพรรสเค็มฝาด
- ล้อม ตามอาการที่เกิด เช่นปวดท้องน้อย,ปวดหัว,ปวดหลังไหล่ก้านคอ เป็นต้น
- รักษา นาบหม้อเกลือ/นวดโกยมดลูกให้กลับเข้าอู่/เผายา/พอกโคลนยา ฯลฯ
น้ำกระสายยาก่อนประเดือนเข้า (ทำทานเองได้)
ส่วนประกอบ
- 3คำ(คำฝอย,คำแสด,คำไทย)
- 2เถา(เถาวัลย์เปรียง,เถาคันแดง)
- 2มวก(เถามวกแดง เถามวกขาว)
- ใบหญ้านาง
- ใบขี้เหล็ก
วิธีทำ นำลงต้มแล้วกรอง
วิธีใช้ ครั้งละ 1 แก้ว 2 เวลาเช้า-เย็น ทานก่อนประจำเดือนมา 3-5 วัน
น้ำกระสายยาระหว่างประจำเดือนเข้า
ส่วนประกอบ
ขิง/ข่า/ตะไคร้/ใบโหระพา/ใบกระเพรา/ใบสะระแหน่/ใบมะกรูด/ใบมะนาว/พริกไทยดำ/เทียนห้า
วิธีทำ นำลงต้มแล้วกรอง
วิธีใช้ ครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลาหลังอาหารทันที
น้ำกระสายยาเมื่อประจำเดือนออก
ส่วนประกอบ
คำไทย,คำฝอย,ฝางเสน,กล้วยน้ำหว้าดิบและสุกคละกัน,ทับทิมทั้งลูก
วิธีทำ นำลงต้มแล้วกรอง
วิธีใช้ ครั้งละ 1 แก้ว เช้า-เย็น ทานหลังประจำเดือนออกแล้ว 3-5 วัน
ปฏิบัติตัวดังนี้เพื่อประจำเดือนมาเป็นปกติ แดงสวยใส หน้าตาผิวพรรณสดชื่นเปล่งปลั่ง มีเลือดฝาด
ไร้สิวฝ้า ผ่องใสมีน้ำมีนวล ต้มน้ำกระสายยาเข้า 3 หม้อตามสูตร กินตามลำดับ ก่อน ระหว่าง หลัง กินอาหารรสเย็นก่อนประจำเดือนมากินอาหารรสร้อน ในระหว่างประจำเดือนมา งดรสเปรี้ยว/หวาน/มัน/เค็ม/ของเย็นของขม กลับมากินอาหารรสเย็นอีกครั้งหลังประจำเดือนออก
ที่มา: คมสัน ทินกร ณ อยุธยา (แพทย์แผนไทย) สิงหาคม 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น