วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความสำคัญของการดื่มน้ำ ดื่มน้ำน้อย ผลร้ายที่คุณคิดไม่ถึง




ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ เลือดเราประกอบด้วยน้ำ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ กระดูกเราก็ประกอบด้วยน้ำ 22 เปอร์เซ็นต์ ร่างกายเราเสียน้ำวันละ 2 ลิตรเศษ ถ้าเรารับน้ำเข้าไปไม่เพียงพอก็ถือว่าขาดน้ำ อวัยวะภายในจะรวนผิดปกติ เลือดจะข้นยากที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนต่าง ๆ หัวใจจะตีบตันเสียก่อน ความจำก็จะเสื่อมหรือเป็นอัลไซเมอร์ เพราะเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ เส้นเลือดก็จะตีบตัน ลำไส้จะแห้ง ทำให้ท้องผูกเพราะภาวะสังคมที่รีบเร่ง คนทำงานนั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์มักไม่ค่อยอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่ชอบดื่มน้ำซึ่งจะทำให้ปัสสาวะบ่อย แต่ถ้าบอกว่า คนไข้โรคความจำเสื่อมเป็นถึงระดับผู้บริหารใหญ่ ๆ ดื่มน้ำวันละ 2-3 แก้ว ไม่เกิน 500 ซี.ซี. ทำให้เลือดข้นไขมันสูง หมอส่วนใหญ่จะจ่ายยาละลายลิ่มเลือดให้ ทำให้เลือดใสแต่เหมือนการคนน้ำให้ตกตะกอน แต่ก็ยังต้องใช้น้ำนำพาตะกอนออกมาอยู่ดี มันจะได้ไม่กลับไปอุดตันเส้นเลือดเหมือนเดิม

ช่องทางในการขับของเสียออกจะมีอยู่ 5 ช่องทางด้วยกันคือ
1. ไต ขับออกมาทางปัสสาวะ
2. ลำไส้ใหญ่ ขับออกมาทางอุจจาระ
3. ปอด ขับออกมาทางลมหายใจ
4. ผิวหนัง ขับออกมาทางเหงื่อ
5. (สำหรับผู้หญิง) รอบเดือน ขับออกมาทางประจำเดือน
 เมื่อช่องทางการขับของเสียไม่สมบูรณ์ ร่างกายก็จะต้องพยายามหาทางออกให้ได้ เช่น เป็นสิว ฝ้ากระ ฝี ริดสีดวง ถ้าเรามีอาการดังที่กล่าว อาจแสดงถึงว่าร่างกายมีของเน่าเสียอยู่ภายใน เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม การกินหรือฉีดยาไม่ใช่วิธีเดียวในการรักษาหรือบำบัดโรคให้หายไป ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไขทีหลัง!

การดื่มน้ำที่ถูกวิธี
 
โดยปกติเราควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ประมาณ 2 ลิตร หรือคิดตาม น้ำหนักตัวคูณด้วย 33 เช่น คุณน้ำหนัก 60 นั้นคือ 60 X 33 = 1,980 ซีซี หรือประมาณ 2 ลิตร แต่ที่จริงแล้วเวลาและปริมาณในการดื่ม หรือความถี่ของการดื่มเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน การดื่มน้ำที่ฉลาดถูกวิธีและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากที่สุดมีสูตรดัง นี้

1.ควรดื่มน้ำเปล่าที่สะอาด หรือต้มสุก ไม่ร้อนไม่เย็นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่อาจดื่มน้ำอุ่นๆเมื่อรู้สึกหนาวหรือไม่สบาย

2.การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หมายถึงประมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งอาจได้จาก การรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมาก หรืออาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมาก

3.เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ ควรดื่มน้ำทันที ไม่ควรดื่มเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้จุกหรืออาจตายได้ในกรณีที่เหนื่อยจัด ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบไตและระบบย่อยอาหารทำงานหนัก รวมทั้งอาจทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะปัสสะวะอักเสบได้อีกด้วย ยกเว้นในช่วงเวลาเพิ่งตื่นนอน หรือดื่มเพื่อบำบัด

4.วันที่ต้องกินอาหารที่มีรสจัดมาก ไม่วา เค็ม เผ็ด เปรียว หรือมัน โดยเฉพาะขนมกรุบกรอบ ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพิ่มชึ้นกว่าปรกติ

5.การดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่อากาศเย็นจัดทำให้ระบบของรางกายต้องทำงานหนักเพื่อปรับ อุณหภูมิของน้ำเย็นให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย และส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ การย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร ปวดประจำเดือน

6.ถ้าต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ควรดื่ม หลังจากเพิ่งตื่นนอน จากนั้น ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงและหลังอาหาร 1 ชั่วโมงในแต่ละมื้อ สุดท้าย ก่อนนอน 1 ชั่วโมง

7.ไม่ควรดื่มน้ำมากกว่าครึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที่ และภายใน 45 นาที หลังรับประทานอาหารและ ในระหว่างการรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำตลอดเวลา เพราะการดื่มน้ำมากในระหว่างรับประทานอาหารจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เจือจาง การย่อยเป็นไปได้ไม่ดี ระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนัก ต้องผลิตน้ำย่อยออกมามากกว่าปรกติ ดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่

8.การทานอาหารในแต่ละมื้อไม่ควร อิ่มจนแน่นท้องเกินไปควรให้อิ่มพอดีแล้วรับประทานผลไม้สดจะทำให้สะอาดคอ แล้วจิบน้ำตามนิดหน่อยท่านจะรู้สึกสบายท้องหลังจากนั้นสักครึ่งชั่วโมง จึงดื่มน้ำตามปรกติ

วิธีทำให้คุณหันมาดื่มน้ำมากขึ้น
ฝึกดื่มน้ำให้เป็นนิสัย พยายามดื่มน้ำทุกเช้าหลังตื่นนอนให้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการดื่มน้ำตอนทุกเช้าจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากดื่มน้ำไปตลอดทั้ง วัน
ผสมอย่างอื่นเพื่อให้น้ำมีรสชาติมากขึ้น เช่น หามะนาวมาบีบลงไปในน้ำเปล่าซักเล็กน้อยก่อนดื่มเพื่อช่วยเพิ่ม หรือผสมน้ำหวาน หรือดื่มน้ำผลไม้แทน แต่ไม่ควรหวานเกินไปเพราะอาจทำให้น้ำหนักคุณเพิ่มได้

หมั่นตรวจปัสสวะให้ใสอยู่เสมอ หมั่นตรวจดูปัสสาวะของคุณหลังเสร็จธุระ เพื่อให้มั่นใจว่ามันยังใสหรือมีสีเหลื่องอ่อนอยู่เสมอ เพราะความใสนั้นเหมือนเป็นดัชนีวัดว่าร่างกายของคุณได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่เมื่อไรก็ตามที่ปัสสาวะของคุณมีสีเหลืองเข้ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ

จินตนาการว่าคุณจะน่ารักขนาดไหน "ฉันไม่รู้ว่า การดื่มน้ำมาก ๆ จะมีผลโดยตรงอย่างไรต่อระบบการหมุนเวียนของ โลหิตและการมีสุขภาพผิวดี เปล่งปลั่ง แต่ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มน้ำ ตราบเท่าที่ฉันคิดว่าน้ำจะช่วยให้ฉันมีผิวที่ดี ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิง"

ร้อนนักก็ดื่มซะ เมื่อคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เดือดดาล ขอแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น เพราะบางครั้งการเลือกเครื่องดื่มก็เป็นเรื่องของจิตวิทยา การที่คุณได้ถือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ซักแก้วไว้ที่มืออาจช่วยให้คุณลดอารมณ์ เดือดดาลลงได้มากกว่าเครื่องดื่มปกติ ยิ่งกว่านั้น ในกาแฟและน้ำชายังมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มอัตราการกำจัดน้ำออกจากร่างกายของคุณในรูปของ ปัสสาวะ

ดื่มน้ำเมื่อคุณถูกความตะกละจู่โจม บางครั้งความรู้สึกหิวของคนเราก็เป็นความกระหายแบบหลอก ๆ หรือแค่รู้สึกตะกละเท่านั้น ดังนั้น คุณสามารถแก้อาการนี้ได้ด้วยการหาน้ำดื่มซัก 1- 2 แก้ว เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้กินอะไรรองท้อง

เริ่มปฏิบัติจากขั้นตอนง่าย ๆ อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถเปลี่ยน พฤติกรรมการดื่มน้ำได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ คือจากคนที่ไม่ดื่มน้ำเลยมาดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่คุณควรเริ่มจากการดื่มน้ำ 1 แก้วในตอนเช้าของวัน ตามด้วยการดื่มน้ำอีก 1 แก้วก่อนนอนจนเป็นนิสัย จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำระหว่างวันให้มากขึ้น
หมั่นหาแก้วที่มีน้ำเต็มแก้ว 1 ใบมาวางไว้ข้างตัวคุณเสมอ ขณะคุณกำลังทำงาน เพราะมันจะทำให้คุณสะดวกต่อการหยิบขึ้นมาจิบไปเรื่อย ๆ ขณะทำงานโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องสุมหัวคิดงานกับเพื่อน ๆ หรือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหากคุณไม่ต้องการให้มือของคุณอยู่ว่าง

วิธีดื่มน้ำเพื่อบำบัด
ร่างกายของคนนั้นประกอบด้วยน้ำ 2 ใน 3 ของน้ำหนักตัว แสดงว่าน้ำมีความสำคัญต่อระบบต่างๆของร่างกายมาก โดยเฉพาะระบบการกรองของเสียของไต ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างการ
วิธีดื่มน้ำเพื่อบำบัดโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดี คือ ตื่นเช้าลุกขึ้นมา ยังไม่ล้างหน้า ไห้บ้วนด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำที่สะอาด 1 แก้ว แล้วดื่มน้ำสุกตามทันที 4 แก้ว (ประมาณโค้กขนาด1 ลิตร) อาจรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดหรือยากจะอ้วกในช่วงแรก อาจค่อยๆเพิ่มปริมาณในการดื่มน้ำโดยเพิ่มจากปกติที่เคยดื่มอีก 1 แก้ว หลังจากนั้นเราจะรู้สึกว่าปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น รู้สึกว่าร่างกายสดชื่น และสมองปลอดโปร่งขึ้น ช่วยให้ผิวหนังมีน้ำมีนวล สำหรับผู้หญิงที่รักความสวยงาม ยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื้องจากช่วยลดความดันโลหิต หลังตื่นนอน
ทั้งหมดอยากให้ผู้อ่านลองปฎิบัติจะรู้ว่าการดื่มน้ำนั้นช่วยบำบัดโรคได้มาก มาย กว่ารับประทานยา ซึ่งเป็นการรักษาปลายเหตุ ใครลองแล้วได้ผลดีอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตาม Comment ด้านล่าง

ประโยช์นของการดื่มน้ำ
ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายพร้อมที่จะทำงาน มีการกระตุ้นระบบต่างๆ
ผิวสวยสุขภาพผิวดี เเต่งตึงเป็นสีชมพู เนื่องจากไปกระตุ้นการไหลเวียดของเหลือด
ปากลิ้นสะอาด ตาใสเป็นประกาย
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเรื่องโรดกระเพาะ และกรดไหลย้อน
ช่วยลดความร้อนในร่างกายแก้ร้อนใน
การขับถ่ายดีท้องไม่ผูก
ทำให้สมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง ลดอาการปวดศรีษะ หรือไมเกรน

โทษของการดื่มน้ำเกินขนาด
การดื่มน้ำที่ดีควรดื่มแบบจิบเรื่อย ๆ ไม่ใช่ว่าดื่มรวดเดียวหลาย ๆ แก้ว เพราะนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ เพราะร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% อยู่แล้ว และเมื่อไหร่ที่ร่างกายได้รับน้ำเพิ่มเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า "น้ำเป็นพิษ"
ภาวะนี้เกิดขึ้นเพราะร่างกายได้รับน้ำมากเกินไป จนน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ เกิดการขาดความสมดุลกันส่งผลให้น้ำในเลือดสูง ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ส่งผลทำให้ร่างกายต้องปรับสมดุลด้วยการขับแร่ธาตุอย่างโปสแตสเซียมออกไป ซึ่งพอขาดแร่ธาตุตัวนี้จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรงเป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง บางคนเป็นมากถึงทำให้เกิดอาการเกร็งในสมองจนทำให้ปอด หัวใจ
 ที่มา: หมอสะกีนะฮฺ แพทย์แผนตะวันออก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น